เปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นที่ “ภูมิภาคชูบุ” (Chubu) ภูมิภาคที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่งดงามและเป็นเอกลักษณ์ กับ 2 เมืองสวย “มิเอะ – กิฟุ”
“ชูบุ” (Chubu) เป็นภูมิภาคแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ระหว่างภูมิภาคคันโตและภูมิภาคคันไซ ภายในภูมิภาคชูบุ มากมายไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ขอพร ชมธรรมชาติที่สวยงาม และถือได้ว่าเป็นดินแดนแห่งอารยธรรมที่ยังคงเป็นเอกลักษณ์และมีมนต์เสน่ห์น่าค้นหา ครั้งนี้ทีมงาน Paapaii.com ได้มีโอกาสไปเที่ยวภูมิภาค “ชูบุ” (Chubu) กับทริป 5 วัน 4 คืน พาไปตะลุยญี่ปุ่นกับ 2 จังหวัดชื่อดังอย่าง “มิเอะและกิฟุ” จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง เก็บกระเป๋าแล้วไปเที่ยวพร้อมกันเลยคร๊าบบบ
ครั้งนี้ออกเดินทางกันที่ “สนามบินนานาชาติดอนเมือง” กับสายการบิน “ไทย ไลอ้อน แอร์” บินตรงสู่เมืองนาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น บินสบายมี 5 เที่ยวต่อสัปดาห์ นอกจากเส้นทางเมืองนาโกย่าแล้ว ยังมีเมืองโตเกียว ฟุกุโอกะ และโอซาก้า อีกด้วย ไม่รอช้า! ไปเช็คอินกันดีกว่า ช้านจาบินนนนน Let’s Go To Nagoya
นอกจากจะเดินทางสะดวกสบายแล้ว บนเครื่องยังมีบริการอาหารว่างฟรี ดีดี้ย์
แถมยังเป็นเครื่องลำใหม่ นั่งสบาย ตลอดการเดินทาง
ใช้เวลาเดินทางจากประเทศไทยสู่ประเทศญี่ปุ่น ประมาณ 6 ชั่วโมง ก็ถึงที่ “สนามบินนานาชาติชูบุ เซ็นแทร์ (นาโกย่า)” (Chubu Centrair International Airport) สนามบินของเมืองนาโกย่า จังหวัดไอจิ รอรับกระเป๋าพร้อมลุยเจแปน ฮูเร่!
การเดินทางในทริปนี้ ใช้บริการรถบัสตลอดทั้งทริป เพื่อความสะดวกสบาย (เพราะต้องย้ายโรงแรมกันทุกคืน จะได้เดินทางสะดวก) ขนกระเป๋าขึ้นรถ ลุย ลุย ลุย
ออกจาก “สนามบินนานาชาติชูบุ เซ็นแทร์ (นาโกย่า)” (Chubu Centrair International Airport) นั่งรถจากสนามบินประมาณ 45 นาที ก็มาถึงที่พักคืนแรกของเรา “Hotel JAL City Nagoya Nishiki” โรงแรมสวยกลางเมืองนาโกย่า ภายในห้องตกแต่งแบบเรียบง่าย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เก็บกระเป๋า เปลี่ยนชุด เตรียมออกไปกินมื้อเย็น
ภาพบรรยากาศเมืองนาโกย่าในยามเย็น เรียบง่าย น่าเดินเล่นจัง
มื้อเย็นของวันแรกที่ร้าน “Gomitori” ร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์อิซากายะชื่อดังของเมืองนาโกย่า
เมนูของทางร้านก็จะมีให้เลือกหลายเมนู เช่น ข้าวหน้าปลาไหล หมูทอดเสียบไม้มิโซะ เอ็นวัวต้มมิโซะ และมีเมนูท้องถิ่นที่ขึ้นชื่ออย่าง “ปีกไก่ทอดต้นตำรับ” บอกเลยว่าแค่มื้อแรกก็ฟินแล้ววววว
กินอิ่ม ฟินกับเมนูมื้อเย็น เดินชมสีสันบรรยากาศในยามค่ำคืนของเมือง “นาโกย่า” สวยสุด ๆ ทั้งแสงไฟจากตึกและตามถนน เดินกันเพลิน ๆ จนมาถึงที่พัก
เพิ่มพลังกับมื้อเช้าของทางโรงแรมแบบสไตล์บุฟเฟ่ต์ ก่อนเดินทางไปยังที่ “จังหวัดมิเอะ” (Mie Prefecture) โปรแกรมของการเดินทางในวันนี้
“จังหวัดมิเอะ” (Mie Prefecture) ถือได้ว่าเป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่รวมมรดกโลกและวัฒนธรรมมากมายอยู่ในใจกลางของประเทศญี่ปุ่น ใช้เวลาประมาณ 50 นาที ก็มาถึงที่ “ภูเขาโกะไซโซะ” (Mt.Gozaisho) แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดมิเอะ เป็นกระเช้าลอยฟ้าที่เชื่อมต่อสถานี Yunoyama Onsen Station กับยอดเขาโกะไซโซะ เพลิดเพลินไปกับการชมทัศนียภาพทางธรรมชาติที่สวยงามตลอดเส้นทาง 2 กิโลเมตร จากด้านล่างสู่ด้านบน ใช้เวลาประมาณ 15 นาที … บอกเลยว่าทั้งเสียว และทั้งสวยยยยยยยย สุด ๆ เลย
ขึ้นมาถึงด้านบนจะมีร้านอาหารให้ได้นั่งชมวิวธรรมชาติกันแบบเพลิน ๆ รวมไปถึงช้อปปิ้งของที่ระลึกประจำของที่นี่กันอีกด้วย
นอกจากจะมีวิวธรรมชาติสวย ๆ ของที่ระลึกสุดน่ารัก ยังมีเมนู “Shiro Tettou Soft Cream” เมนูของหวานขึ้นชื่อประจำของที่นี่มาพร้อมกับขนมปังมาสคอต “Blanc” ขนมปังรูปเสาของกระเช้าลอยฟ้า ที่ทำขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปี ของ Gozaisho Ropeway รสชาติอร่อย ๆ เพียงแค่ 500 เยน … ไหน ๆ ขึ้นมาถึงด้านบนทั้งที ต้องลองชิมกันหน่อย
ชมวิวทิวทัศน์ธรรมชาติ เดินทางกินมื้อเที่ยงกันที่ร้าน “Kagura” ร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์ Sukiyaki และ Ganbanyaki ร้านอร่อยขึ้นชื่อของเมืองอิเสะ
ถ้ามาถึงจังหวัดมิเอะ อาหารขึ้นชื่อของจังหวัดที่ไม่ควรพลาดที่จะลิ้มลองก็คือ “เนื้อมัทสึซากะ” (Matsuzaka) หนึ่งในสามเนื้อชื่อดังของประเทศญี่ปุ่น เนื้อชิ้นแดง ลายสวยงาม จัดมาให้ลิ้มลองแบบเป็นเซ็ท มีให้เลือก 2 แบบ Sukiyaki สไตล์หม้อไฟ และ Ganbanyaki สไตล์ปิ้งย่างบนหินลาวาภูเขาไฟฟูจิ เสิร์ฟมาพร้อมกับเครื่องเคียงอย่าง ข้าวญี่ปุ่น ซุปมิโสะ สลัด ผักรวม ผัดดอง ของหวาน และเนื้อมัทสึซากะ 120 กรัม ในราคาเซ็ทละ 5500 เยน+tax
บอกเลยว่าคนที่ชอบกินเนื้อ ต้องไม่พลาดที่จะมาลิ้มลอง “เนื้อมัทสึซากะ” (Matsuzaka) กันที่จังหวัดมิเอะ ถิ่นกำเนิดของเนื้อมัทสึซากะ ชิ้นใหญ่ ละลายในปาก ละมุนลิ้นสุด ๆ
อิ่มอร่อยกับเนื้อชั้นยอดกันแล้ว ออกเดินทางมากันที่ “ศาลเจ้าอิเสะ” (Ise-jingu Shrine) ศาลเจ้าเก่าแก่กว่า 2,000 ปี และใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น เมื่อมาถึงที่เมืองอิเสะแล้วไม่ได้มาศาลเจ้าแห่งนี้ บอกเลยว่าเหมือนมาไม่ถึง บริเวณภายในพื้นที่ของศาลเจ้าแห่งนี้ อุดมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม ให้บรรยากาศที่สุดแสนจะร่มรื่น และมีมนต์ขลังและความศักดิ์สิทธิ์ ที่ชาวญี่ปุ่นต่างนับถือกันมาอย่างยาวนาน
หลังจากกราบไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในศาลเจ้ากันแล้ว มาเดินเล่นกันต่อที่ถนน “โอะคะเงะ โยะโคะโจ” (Okage Yokocho) ถนนเส้นเล็กข้างศาลเจ้าอิเสะ ที่เรียงรายไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ร้านของหวาน ร้านขายของที่ระลึก ภายในอาคารสไตล์ญี่ปุ่น เดินกันเพลิน ๆ ก่อนเข้าที่พักของวันนี้
ออกเดินทางเที่ยวชมธรรมชาติ กินของขึ้นชื่อ กราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์มาทั้งวัน ก็มาถึงที่พักของคืนนี้ที่ “คาอิโยโระ” (Kaiyoro) ที่พักสไตล์เรียวกัง ที่พักเก่าแก่และขึ้นชื่อของเมืองฟุทะมิ ภายในห้องพักมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
มื้อเย็นของวันที่สอง ไม่ต้องออกไปกินที่ไหนไกล กินกันที่โรงแรมนี่แหละ ทางโรงแรม “Kaiyoro” แห่งนี้ นอกจากจะเป็นที่พักที่เก่าแก่แล้ว ยังมีอาหารที่เลิศรสให้ได้ลิ้มลองรสชาติของเมนูอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ที่คัดสรรวัตถุดิบมาจากทะเล สด ใหม่ รสชาติเยี่ยมและการบริการที่ดีเลิศสุด ๆ
เริ่มต้นเช้าวันใหม่ของวันที่ 3 กับการเที่ยวภูมิภาคชูบุ เดินจากโรงแรมประมาณ 300 เมตร มาที่ “ศาลเจ้าฟุตะมิ โอะคิทะมะ” (Futami Okitama Shrine) ชมหินคู่ “หินเมะโอะโตะอิวะ” (Meoto-iwa Rock) ใกล้กับศาลเจ้า โดยหินก้อนใหญ่เป็นสามีชื่อ “อิซานิงิ” และหินก้อนเล็กเป็นภรรยาชื่อ “อิซานามิ” โดยมีเชือก Shimenawa คล้องกันอยู่เหมือนกับการสวมมงคลสมรสในพิธีแต่งงาน ซึ่งศาลเจ้าแห่งนี้คนญี่ปุ่นเชื่อกันว่า ถ้าใครที่มีคู่อยู่แล้วก็จะมาขอให้รักกันอย่างยืนยาว ส่วนใครที่โสดก็จะมาขอให้มีคู่
กราบไหว้ ขอพร เสร็จก็มากินมื้อเช้ากันที่โรงแรม อาหารเช้าของที่นี่ก็จะจัดมาเป็นเซ็ทแบบสไตล์ญี่ปุ่น พร้อมเครื่องเคียงอิ่มกำลังพอดี
เก็บกระเป๋า เช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม เดินทางต่อไปยังที่ “เกาะไข่มุกมิกิโมะโตะ” (Mikimoto Pearl Island) เกาะเล็ก ๆ อยู่ในเมืองโทบะ จังหวัดมิเอะ ต้นกำเนิดของไข่มุกเลี้ยงที่มีชื่อเสียงของที่นี่ และชมการสาธิตการดำน้ำทะเลลงไปเก็บหอยของผู้หญิง วัฒนธรรมเก่าแก่ที่มีมาอย่างยาวนาน
พร้อมชมไข่มุกที่มีราคาแพงที่สุดในโลก 34,000,000 เยน โอ้โห
ออกเดินทางจาก “เกาะไข่มุกมิกิโมโตะ” ไปกินมื้อเที่ยงกันที่ “กระท่อมอามะ” (Ama Hut) ร้านอาหารทะเลปิ้งย่างธรรมดาที่ไม่ธรรมดา พอไปถึงหน้าร้านปุ๊บ ก็จะพบกับ AMA มายืนต้อนรับ (AMA คือกลุ่มชาวประมงผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป) ที่ทำประมงแบบดั้งเดิมอาชีพที่สืบต่อกันมาเป็นเวลาหลายร้อยปี ด้วยการดำน้ำลงไปเก็บอาหารทะเลสด ๆ มาเป็นอาหารให้ปิ้งย่างกัน
ภายใน “กระท่อมอามะ” จะมีเตาปิ้งขนาดใหญ่ พร้อมกับกลุ่มอามะ จะคอยปิ้งอาหารทะเลพวก หอย ปลาหมึก ปลา แบบสด ๆ โดยจัดมาเป็นเซ็ทในราคาเพียง 3,500 เยน … กินอาหารทะเล คุยกับอามะกันเพลิน ๆ
บอกเลยว่ามาถึงเมืองโทบะ ถ้าไม่ได้มานั่งกินปิ้งย่างแบบนี้ ถือว่ามาไม่ถึง อาหารทะเลสดและตัวใหญ่ แถมอามะยังใจดี ยิ้ม และเป็นกันเองที่สุดเลย
กินมื้อเที่ยงกันเสร็จแล้ว ออกเดินทางขึ้นเหนือไปยังที่ “จังหวัดกิฟุ” (Gifu Prefecture) จังหวัดท่องเที่ยวใจกลางประเทศญี่ปุ่น เมืองแห่งมนต์เสน่ห์ที่ใคร ๆ ก็หลงรัก มากมายด้วยวัฒนธรรมเก่าแก่ ดินแดนประวัติศาสตร์อันยาวนานธรรมชาติอันสมบูรณ์และแหล่งน้ำบริสุทธิ์ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 40 นาที จากเมืองโทบะ จังหวัดมิเอะ มาถึงที่พักของคืนนี้ที่ “Gifu Grand Hotel” โรงแรมริมแม่น้ำนาการะ กับห้องพักสไตล์เรียวกัง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
เก็บกระเป๋า เช็คอินเรียบร้อย ได้เวลาของมื้อเย็นที่ร้าน “Kawaramachi Izumiya” ร้านอาหารท้องถิ่น “ย่านคะวะมะระจิ” ที่มีเมนูขึ้นชื่ออย่าง “ปลาอายุ” (AYU) เป็นปลาประจำจังหวัดกิฟุ รสชาติอร่อย หอมหวาน เนื้อนุ่ม ชุ่มฉ่ำ
อิ่มมื้อเย็นกับเมนู “ปลาอายุ” แล้ว ก็มาดูวิธีการจับปลาอายุแบบดั้งเดิมของ “จังหวัดกิฟุ” (Gifu Prefecture) กันต่อเลย ด้วยการนั่งเรือชมเทศกาล Nagaragawa Ukai “อุไค การจับปลาด้วยนกกาน้ำ” (Ukai) มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมพื้นบ้านของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงฤดูร้อนตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม จนถึงวันที่ 15 ตุลาคมของทุกปี
“อุไค” (Ukai) หรือเรียกอีกอย่างว่า “การจับปลาด้วยนกกาน้ำ” เป็นวิธีการจับปลาในแม่น้ำนาการะที่สืบทอดกันมาแต่โบราณยาวนานกว่า 1,300 ปี และหาดูได้เฉพาะ 5 แหล่งในประเทศญี่ปุ่นเพียงเท่านั้น ซึ่ง 1 ใน 5 แหล่ง ก็คือที่แม่น้ำนาการะ จังหวัดกิฟุ
พอฟ้าเริ่มมืดเวลาประมาณ 19.45 ขบวนเรือชาวประมงก็ได้พายกันออกมาพร้อมกับแสงของดอกไม้ไฟ เป็นสัญญาณของการเริ่มเทศกาล “อุไค การจับปลาด้วยนกกาน้ำ” (Ukai) โดยจะชมได้ 2 แบบ “คาริคุดาริ” การแล่นเรือตามเรือนกกาน้ำ 1 ลำ และแบบ “สึเคะมิเสะ” จอดพักเรือนำเที่ยว
โดยจุดไฮไลท์ของเทศกาล “อุไค การจับปลาด้วยนกกาน้ำ” (Ukai) คือการที่เรือนกกาน้ำ 6 ลำจอดเรียงเป็นแถวหน้ากระดานเต็มแม่น้ำ เพื่อไล่ปลาอายุให้ว่ายไปยังบริเวณน้ำตื้นพร้อม ๆ แสงไฟกระทบกับแม่น้ำ เป็นภาพที่สวยงามที่สุดเลยสำหรับคืนแรกในจังหวัดกิฟุ
เติมพลังก่อนการออกเที่ยว “จังหวัดกิฟุ” กับอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์ของทางโรงแรม “Gifu Grand Hotel”
เดินทางไปที่สถานีรถไฟ “Mino-Ota” วันนี้เราจะเที่ยวโดยรถไฟขบวนท่องเที่ยว “รถไฟนะกะระ” (Nagara Train) ขบวนรถไฟสีแดงเก่าแก่คันเล็กที่ถูกตกแต่งด้วยลวดลายและสีสัน กับเส้นทาง Nagaragawa Railway รถไฟสายเดียววิ่งเข้าสู่เมืองกุโจ้
บรรยากาศภายในขบวน “รถไฟนะกะระ” ตกแต่งไปด้วยพื้นไม้ มีทั้งโต๊ะและเก้าอี้ตั้งเรียงราย พร้อมบริการอาหารตลอดการเดินทาง
ระหว่างการเดินก็จะได้รับชมความสวยงามของวิวธรรมชาติ 2 ข้างทาง วิ่งผ่านสะพานและอุโมงค์กว่า 24 แห่ง เลียบแม่น้ำนาการะกาวะ บอกเลยว่าสวยงามสุด ๆ
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ก็มาถึงสถานีปลายทาง “กุโจ ฮะจิมัง” (Gujo Hachiman) รถไฟท่องเที่ยว “รถไฟนะกะระ” (Nagara Train) จะเปิดให้บริการทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ โดยออกจากสถานี “มิโนะ โอตะ” Mino-Ota เวลา 10.45 น. มาถึงสถานี “กุโจ ฮะจิมัง” (Gujo Hachiman) เวลา 12.15 น. โดยมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 12,000 เยน รวมบริการอาหาร
เดินทางมาต่อที่ “กุโจ ฮะจิมัง” (Gujo Hachiman) เมืองรอบปราสาทตั้งอยู่กึ่งกลางของจังหวัดกิฟุ เดินซึมซับบรรยากาศของอาคารแบบสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม ฟังเสียงสายน้ำ พร้อมกับธรรมชาติสีเขียว ๆ
นอกจากจะเป็นเมืองรอบปราสาทที่มีความเก่าแก่และสวยงามแล้ว ยังเป็นเมืองแห่งอาหารจำลองที่โด่งดังหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น โดยมีร้าน “Sample Village IWASAKI” สถานที่ให้ลองทำอาหารจำลองในรูปแบบต่าง ๆ จากขี้ผึ้ง กับการทำกุ้งเทมปูระ และผักเครื่องเคียง
ออกเดินทางต่อมาที่ “บ่อน้ำโมเน่ต์” (Monet’s Pond) บ่อน้ำกลางธรรมชาติที่มีความงดงามอย่างกับภาพวาดของศิลปินชาวฝรั่งเศสสไตล์อิมเพรชชั่นนิสม์ที่มีนามว่า โคลด โมเนต์ (Claude Monet) มองปลาคาร์ฟแหวกว่ายอย่างอิสระภายใต้กอบัว แถมรอบๆ ยังล้อมรอบไปด้วยต้นไม้หลากชนิดเหมือนอยู่ในสวน
ออกเดินทางไปต่อที่เมืองเกโระ จังหวัดกิฟุ เมืองออนเซ็นชื่อดัง 1 ใน 3 ของประเทศญี่ปุ่น นอกจากจะโด่งดังในเรื่องออนเซ็นแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่จะได้รับชมหมู่บ้านโบราณแบบ “กัสโชสึคุริ” (Gassho-zukuri) โดยไม่ต้องไปถึงที่ “ชิราคาวาโก” (Shirakawago) ก็พบเจอกันได้ที่ “หมู่บ้านกัชโช เกโระออนเซ็น” (Gero Onsen Gassho Village) หมู่บ้านเล็ก ๆ รายล้อมด้วยธรรมชาติและทิวทัศน์ที่สวยงามทุกฤดูกาล ภายในมีบ้านเก่าของตระกูลโอโตะ ซึ่งถูกยกให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมสำคัญของชาติ และมีบ้านทรง “กัสโชสึคุริ” (Gassho-zukuri) จำนวน 9 หลังที่เคลื่อนย้ายมาจากชิราคาวาโก และนำมาสร้างใหม่เอาไว้ที่นี่ให้บรรยากาศแบบหมู่บ้านโบราณ เดินเที่ยวชมกันให้เพลิน ๆ เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 8.30 น. จนถึง 17.00 น.
เที่ยวชมธรรมชาติมาทั้งวัน ก็มาถึงที่พักสำหรับคืนสุดท้ายที่ “Gero Hot Spring Suimeikan” โรงแรมใจกลางเมืองเกโระ โรงแรมขนาดใหญ่ ที่มาพร้อมกับที่อ่างน้ำพุร้อนทั้งแบบกลางแจ้งชมวิวธรรมชาติและภายในอาคาร
หลังจากเช็คอิน เก็บกระเป๋าเรียบร้อย ก็ได้เวลามื้อเย็นกันที่โรงแรม กับเมนูอาหารญี่ปุ่นที่จัดมากันแบบเป็นชุด
ภายในโรงแรมมีร้านค้าให้ได้เลือกช้อปปิ้ง ขนม เสื้อผ้า ของที่ระลึกอย่างเจ้าตัว “ซารุโบโบะ” ของเล่นและเครื่องรางประจำเมืองเกโระ
ภายในห้องพักของโรงแรม “Gero Hot Spring Suimeikan” เป็นห้องพักสไตล์ญี่ปุ่น “ฮิเซนคะคุ” หรูหรา สะอาด พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พร้อมทั้งยังมีชุดยูกาตะ ชุดท้องถิ่นของประเทศญี่ปุ่น ให้ได้มาใส่ไว้สำหรับไปแช่ออนเซ็นกันอีกด้วย ไม่รอช้ามาถึงเมืองออนเซ็นทั้งที เปลี่ยนชุด ไปแช่ออนเซ็นก่อนนะคร๊าบ
การเดินทางท่องเที่ยวของทริปชูบุ ก็เดินทางมาถึงวันสุดท้าย เก็บกระเป๋า กินมื้อเช้าแบบบุฟเฟ่ต์ของทางโรงแรม ก่อนเดินทางเข้าจังหวัดไอจิ … ลาก่อนน้ากิฟุ
ใช้เวลาเดินทางจากกิฟุ ประมาณ 2 ชั่วโมง ก็มาถึงที่ “Aeon Mall” แหล่งช้อปปิ้งของจังหวัดไอจิ เข้ามาปุ๊บก็พบกับแมวกวักขนาดใหญ่ คอยต้อนรับเราอยู่ พร้อมกินมื้อเที่ยงกับอาหารทอดเสียบไม้สไตล์ญี่ปุ่น “คุชิคัตสึ” เลือกเอง ทำเอง ทอดเอง ตามแบบสไตล์เรา
เดินทางมาที่ “สนามบินนานาชาติชูบุ เซ็นแทร์ (นาโกย่า)” (Chubu Centrair International Airport) เช็คอิน โหลดกระเป๋าที่เคาน์เตอร์ “ไทย ไลอ้อน แอร์” เดินทางกลับประเทศไทย
หลังจากเช็คอินโหลดกระเป๋าเรียบร้อย ยังพอมีเวลา เดินไปชมนิทรรศการสร้างฝันของคนอยากบินที่ “Flight Of Dream” ชมเครื่องบิน Boeing 787 Dreamliner ลำจริง พร้อมชมการแสดง แสง สี เสียง สุดอลังการ ภายในมีร้านอาหาร ร้านค้าต่าง ๆ รวมไปถึงของที่ระลึกของที่นี่ให้ได้ซื้อติดไม้ติดมือกลับไป
เวลาแห่งความสุขมักจะเดินเร็วเสมอ เตรียมโบกมือลาประเทศญี่ปุ่น จบการท่องเที่ยว “ภูมิภาคชูบุ” (Chubu) แล้วถ้ามีโอกาสจะกลับมาอีกน้าาาาา … ทริปนี้! เดินทางปลอดภัย สะดวกสบายกับสายการบิน “ไทย ไลอ้อน แอร์” พร้อมการดูแลบนเครื่องอย่างดีจากแอร์โฮสเตสคนสวย มากด้วยรอยยิ้ม
หากใครกำลังอยากชมวัฒนธรรมและธรรมชาติที่สวยงามของประเทศญี่ปุ่น “ภูมิภาคชูบุ” (Chubu) ถือได้ว่าเป็นอีกแห่งหนึ่งที่น่ามาเที่ยว มากไปด้วยวัฒนธรรมเก่าแก่ สวยงามไปด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ นี่เป็นเพียงแค่สถานที่ท่องเที่ยวเพียงส่วนหนึ่งของ 2 จังหวัดอย่าง “มิเอะและกิฟุ” แต่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่งรอให้คุณได้ไปเที่ยวชมกันสักครั้ง แล้วคุณจะหลงรักแบบที่แอดหลงรัก … ถ้ามีโอกาสจะกลับมาอีกน้าาาา
สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ ต้องขอขอบคุณผู้สนับสนุนทริปดี ๆ จาก องค์การส่งเสริ
ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.jnto.or.