เรื่องเริ่มต้นจากผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ในตึกสูงกลางเมือง เธอผู้เต็มไปด้วย Passion ที่กำลังต่อสู้กับความคิดในหัวถึงการทำธุรกิจรีสอร์ท และกองงานที่เพิ่งเคลียร์ให้ลุล่วงไป
(เสียงในหัวถามว่า)เมื่อไหร่ล่ะจะทำให้สำเร็จ?? ทำเลยๆๆๆๆๆๆ ทำสิ เฮ้ย รอไรอยู่วะแกรรรรร!!! ตัดภาพมาที่ทุ่งนาเขียวปรี๊ดดดด มีภูเขาและท้องฟ้าเป็นฉากหลัง ผู้หญิงคนเดิมถามตัวเองต่อหน้าทุ่งนาเบื้องหน้าว่า “จังหวัดเล็กๆ มีแต่ท้องนาแบบนี้ ใครจะมาวะ? แต่เอาวะ… ไม่ชอบพลุกพล่านอยู่ละ ทำก็ทำ
เอ้าเริ่ม!!!” โลเคชั่นพลุกพล่านมากกก นกนะ!
จุดเริ่มต้น
ครอบครัวเรามีที่อยู่ในจังหวัดหนึ่งไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เราปลูกบ้านเล็กๆ ขุดบ่อ ปลูกผลไม้ แล้วก็มีทุ่งนาเล็กๆ ด้วย ทั้งๆที่เราเกิดและโตที่กรุงเทพฯ แต่ทุกครั้งที่เราไปเห็นวิวทุ่งนาแบบนั้น มันทำให้เราสบายใจมากๆ จากที่นาผืนแรก สิบปีถัดมาครอบครัวเราก็ได้ซื้อที่อีกผืนนึงในจังหวัดนั้น ผืนที่สองนี้อยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา เรากับแม่จึงคิดกันว่าเราจะทำรีสอร์ทเล็กๆ สำหรับลูกค้าที่ชอบชีวิตเงียบๆ ช้าๆ อยู่กับธรรมชาติ เราคุยกับเพื่อนที่เป็นสถาปนิกให้ออกแบบที่พักให้จนแบบเสร็จเรียบร้อย พร้อมลงมือสร้างแล้ว แต่ดันมาเจอน้ำท่วมใหญ่ตอนปี 54 เสียก่อน หน้าดินที่ปรับพื้นที่ไว้โดนน้ำพัดไปหมด โครงการเลยพับไป ที่ตรงนั้นก็กลับมาทำสวนผลไม้ตามเดิม
ระหว่างนี้เรากับแม่ก็ใช้ชีวิตปกติ คืออยู่กรุงเทพฯ ทำงานออฟฟิศ ส่วนพ่อก็ดูแลสวนที่ต่างจังหวัดซะเป็นส่วนใหญ่ ด้วยความที่เราทำงานเอเจนซี่ (และเราก็เป็นคนบ้างานมากๆๆๆ) เราจึงไม่ค่อยได้กลับบ้านนอก (ปกติเราเรียกบ้านที่จังหวัดนั้นว่าบ้านนอกน้าาาา…บ้านนอกของฉัน) จนวันนึง แม่เราก็บอกว่า เราจะทำโรงแรมกัน และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้น…อีกครั้ง!!!
โปรเจคนี้เกิดขึ้นตอนเราอายุเกือบๆ 30 แล้ว จริงๆก็ถือว่าเข้ามาครึ่งชีวิตแล้ว ดังนั้นการทำธุรกรรมทุกอย่างต้องออกหน้าโดยชื่อเรา ทั้งเรื่องการขอกู้แบงค์ การติดต่อกับหน่วยราชการต่างๆ
จะเรียกว่าโรงแรมเราก็เขินปาก เพราะเราทำเล็กๆ ดูแลกันเองในครอบครัว มันเกิดจากว่ามีโครงการอาคารพาณิชย์เปิดขายอยู่ใกล้ตัวจังหวัด แต่ก็ไม่ไกลจากทุ่งนาเท่าไหร่ เราเลยสนใจที่ตรงนั้น เราเริ่มคุยกับทางโครงการตั้งแต่เค้ายังไม่เริ่มลงเสา
ช่วงนี้เราก็ให้สถาปนิกเพื่อนเราคนเดิมเข้ามาดูพื้นที่ วัดขนาดพื้นที่ทั้งหมดตรงที่เราจองไว้ เพื่อไปทำการออกแบบให้เป็นที่พัก ทั้งโครงสร้างและตกแต่งภายใน และเมื่อกันยายนปีที่แล้ว ธุรกิจแรกของครอบครัวเรา..ก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการ!!
ที่พักสไตล์บูทีคกับชีวิตช้าๆ
เราเองทำงานในแวดวงเอเจนซี่ ไม่มีพื้นฐานการทำธุรกิจมาก่อน แถมตอนเรียนก็เรียนมัลติมีเดียมาด้วย จึงเริ่มต้นเหนื่อยหน่อย จากคนที่ไม่รู้อะไรเลย ทำเพราะชอบ ทำเพราะอยากทำ โชคดีที่ตอนเรียนเราทำกิจกรรมเยอะ เลยทำให้มีเพื่อนเยอะ รู้จักคนหลากหลาย ก็อาศัยการปรึกษากับเพื่อนๆเหล่านี้ ทั้งเพื่อนที่เป็นสถาปนิก เพื่อนที่เป็นวิศวกรโยธา เพื่อนนักกฎหมาย ในการทำธุรกิจ
การที่สถาปนิกอยู่ที่กรุงเทพฯ แต่โครงการเราอยู่ต่างจังหวัด ปัญหาแรกคือเราจะหาผู้รับเหมาที่ไหน เพราะเราตั้งใจทำที่พักของเราให้ไม่น่าเบื่อ และแตกต่างจากที่อื่นๆในจังหวัด พอดีน้องที่รู้จักเค้าขายอุปกรณ์ก่อสร้างที่จังหวัดใกล้ๆ ของบางอย่างเราเลยซื้อจากเค้า และได้คอนแทคผู้รับเหมาจากน้องคนนี้มาด้วย ถัดมาก็ต้องปรึกษาเพื่อนที่เป็นผู้ช่วยทนาย เรื่องการจดทะเบียนบริษัท ซึ่งขั้นตอนนี้เราอ่อนแอม๊ากมากกกกก
ทีนี้จะเป็นที่พักอย่างเดียว เราก็กลัวมันจะเหงาไป เลยเปิดร้านกาแฟตรงล๊อบบี้ด้วย จะได้ทำให้ที่พักมีสีสันขึ้นมาหน่อย..ทีนี้ ก็ต้องไปเรียนทำกาแฟอะดิ!!! ลงเรียนไป 1 คอร์ส เครื่องชงกาแฟ 1 เครื่อง เอาล่ะ…หากินได้ละ ^^
ร้านกาแฟ ทุ่งนา ชีวิตช้าๆ เทรนด์การใช้ชีวิตที่คนเมืองกำลังอิน แต่แขกไม่พร้อมเชคอินกับเราด้วย จากความชิล กลับกลายเป็นความท้าทายเล็กๆ เมื่อเรามาเจอโจทย์สำคัญ คือ ‘ไม่มีแขกเข้าพักกกกกกอะเซ่’
![ห้องพักอิมพอร์ตสถาปนิกจากเมืองกรุงมาช่วย](https://paapaii.com/wp-content/uploads/2015/06/1435060503-3-o.jpg)
จับจุดขาย
จุดเด่นของรีสอร์ทเรา คือ อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ เงียบสงบ เดินทางไม่ยาก แค่ 200 ก.ม.จากกรุงเทพฯ แต่ก็ทำให้เป็นจุดอ่อนด้วยเพราะมันเรียบง่ายมากกก แถมเป็นจังหวัดทางผ่านไม่ใช่ Destination ในการท่องเที่ยว หลังจากชิลๆ กับมันอยู่ระยะหนึ่งเราก็ได้คำตอบว่า “ในเมื่อมันไม่เป็น Destination ของการท่องเที่ยว เราก็ทำให้มันเป็น Destination ของอะไรสักอย่างสิ” ไอเดียการทำที่พักให้เป็นจุดหมายปลายทางของนักปั่นก็เกิดจากตรงนี้
ท้องนาสีเขียว ความเป็นชนบท ชุมชนเล็กๆ คือเส้นทางปั่นธรรมชาติที่เป็นแรงดึงดูดสำหรับนักปั่นในวันหยุด ประกอบกับผู้ว่าราชการจังหวัดชอบขี่จักรยาน และผลักดันให้จังหวัดนี้เป็นเมืองแห่งการปั่น อีเวนท์ปั่นจักรยานจึงเกิดขึ้นทุกเดือน
เพื่อนเราที่เคยมาถ่ายรูปที่พักให้ เคยรีวิวที่พักเราในพันทิป ทำให้มีคนรู้จักและแวะมาใช้บริการ อีเวนท์จักรยานครั้งใหญ่เมื่อเดือน มีนาคมที่ผ่านมา ที่พักเราเต็มเร็วมาก (ก็แน่สิ…มีแค่ 10 ห้อง) และก็ทำให้คนในวงการจักรยานรู้จัก และปากต่อปากกันมากขึ้น
นอกจากนั้นเรายังใช้โซเชียลเนตเวิร์กเป็นช่องทางในการโปรโมทได้โดยไม่ต้อง เสียเงินอีกด้วย โซเชียลเนตเวิร์กยังทำให้เราเข้าถึงกลุ่มคนที่จะเป็นลูกค้าจากกรุ๊ปของนัก ปั่นหลายกลุ่ม (แค่ต้องใจกล้า และ approach เค้าแบบตรงๆเลยค่ะ)
![เส้นทางปั่นนี้ปลายทางวิวสวยมากกค่ะขอบอกก](https://paapaii.com/wp-content/uploads/2015/06/1435060567-4-o.jpg)
ไม่เน้น Profit แต่เน้น Make Friend
การเป็น AE ในบริษัทโฆษณาที่ต้องดูแลแอคเคาท์ใหญ่ๆมากมาย ทำให้เรามี service mind ติดตัว ลูกค้าห้องพักเรา ราคาหลักร้อย หลักพัน แต่เราให้บริการเค้าด้วยใจ เพราะเราไม่เน้นการ make profit
วันธรรมดาเราทำงานที่กรุงเทพฯ เย็นวันศุกร์เรางดปาร์ตี้เพื่อรีบบึ่งไปดูแลธุรกิจของเรา เสาร์-อาทิตย์งดแต่งหน้า แต่งตัว ใส่ยูนิฟอร์มเราให้บริการลูกค้าด้วยความสุข เราดีใจทุกครั้งที่แขกทานอาหารหมด ชมว่ากาแฟอร่อย บอกว่าห้องพักน่ารัก เราว่ามันมีค่ามากกว่าตัวเงินนะ มันเป็นกำลังใจตอบแทนกับความเครียด ความเหนื่อยของเรา
เวลามีคนถามว่าเคล็ดลับในการทำธุรกิจของเราคืออะไร เราก็จะตอบเหมือนที่แชร์ที่นี่ก็คือ เราไม่เน้นกำไรแต่มีความสุขที่ได้เพื่อนมากขึ้น มีความตื่นเต้นที่มีแขกมาพักและได้ทำความรู้จักกับเขา เมื่อเขาความประทับใจก็ทำให้เกิดการบอกต่อและมีเพื่อนแนะนำเพื่อนมาเข้าพัก มากขึ้นค่ะ ที่พักของเรามีแขกที่เข้าพักจากการบอกต่อของเพื่อนซะเป็นส่วน ใหญ่
สรุป เรื่องของเรา อาจจะดูเหมือนง่ายแบบมีเงินก็ทำได้ แต่จริงๆมันก็เหนื่อยนะคะ เงินเดือนครึ่งนึงของเราต้องลงไปกับเงินที่กู้แบงค์มา รายได้จากที่พักเอามาหมุนใช้ค่าใช้จ่ายของโรงแรม
ประสบการณ์ครั้งนี้นอกจากความตั้งใจของเราแล้ว อีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ การรู้จักคนเยอะๆ ทำให้เราเข้าใจว่า การที่เรามีเพื่อนคอยซัพพอร์ต หรือมีคอนเนคชั่นที่ดี เป็นชอทคัตที่ทำให้บางอย่างมันง่ายขึ้น เป็นสัดส่วนความสำเร็จของเรามากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ และสิ่งสำคัญอีกอย่างในการทำธุรกิจก็คือ ยอบรับว่าเราไม่รู้อะไรบ้าง และหาวิธีที่จะรู้มันให้ได้ จากใครก็ได้รอบตัวคุณเพราะไม่มีใครที่เก่งและจะรู้ไปทุกเรื่องแน่นอน
ผู้เขียนเรียบเรียงไม่เก่ง อยากได้ข้อมูลเพิ่มหลังไมค์มานะคร้า หวังว่าเรื่องของเราจะให้แรงบันดาลใจได้บ้างว่าการทำธุรกิจในปัจจุบันมีช่อง ทางให้คนธรรมดาทำได้ง่ายขึ้นนะ ไม่ว่าจะการทำการตลาดก็มีช่องทางฟรีมากมาย ไลฟ์สไตล์ของคนก็มีหลากหลายให้จับมาเป็นธุรกิจได้มากขึ้น ถึงแม้การทำให้สำเร็จจะยากอยู่เหมือนเดิม (อิอิ)
สุดท้าย เอาภาพวิวท้องทุ่งมาฝากค่ะ
ขอบคุณบทความจากคุณ : Jella in the Canyon สามารถตามไปรีวิวอื่นๆ ของเธอคนนี้กันได้ที่เพจ: www.facebook.com/schon.chainat สำหรับวันนี้สวัสดีครับ