เลนส์ติดปาก: ฝากท้องที่ 2 ร้านดัง By Samsung Galaxy Note5

เลนส์ติดปาก: ฝากท้องที่ 2 ร้านดัง By Samsung Galaxy Note5

สวัสดีครับแฟนๆ ของ Paapaii.com ทุกคน กลับมาอีกครั้งสำหรับคอลัมน์ “เลนส์ติดปาก“ วันนี้นั้นผมมีโอกาสได้เล่นสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล Note กันเค้าอีกแล้วเรียกว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่กำลังร้อนแรงที่สุดในตลาดตอนนี้เลยครับ

         ใช่แล้วครับเรากำลังพูดถึง  Samsung Galaxy Note 5 รุ่นใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมสเปคแรงๆ และกล้องถ่ายรูปที่มีดีไม่แพ้ค่ายไหนๆ 

Untitled-4

         ก่อนที่เราจะเริ่มทดลองกล้องถ่ายรูปกันก็ไปทำความรู้จักสเปคของ  Samsung Galaxy Note 5 ตัวนี้คร่าวๆ ก่อนนะครับ

ข้อมูลตัวเครื่อง: Samsung Galaxy Note 5

  • Samsung Galaxy Note 5  มาพร้อมจอแสดงผลแบบ Super AMOLED Capacitive และมีขนาดหน้าจอกว้าง 5.7 นิ้ว
  • พร้อมหน่วยประมวลผลภาพกราฟิกโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Mali-T760
  • ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต 64-bit Octa-Core Exynos 7420 (ซีพียู Quad-Core ARM Cortex-A57 ความเร็ว 2.1 GHz และ Quad-Core ARM Cortex-A53 ความเร็ว 1.5 GHz)
  • Samsung Galaxy Note 5 มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 5.1.1 (Lollipop)
  • หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 32 GB หรือ 64 GB พร้อมหน่วยความจำ RAM ขนาด 4 GB
  • กล้องดิจิทัลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 16 ล้าน Pixels พร้อมระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS+VDIS
  • กล้องดิจิทัลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 5 ล้าน Pixels
  • ขนาด 153.2×76.1×7.6 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก 171 กรัม
  • มี 4 สีมาตรฐานให้เลือก (Black Sapphire, Gold Platinum, Silver Titan และ White Pearl)
  • ราคาเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย 25,900 บาท (รุ่นความจุ 32 GB) และ 29,900 บาท (รุ่นความจุ 64 GB)

         ทำความรู้จัก Samsung Galaxy Note 5 กันไปพอหอมปากหอมคอแล้ว มาเข้าเรื่องรีวิวอาหารของเรากันเลย ร้านแรกเราจะพาทุกท่านไปชิม ร้านอาหารปิ้งย่างระดับพรีเมี่ยม ร้าน Jousen Yakiniku & Bar ที่ตั้งอยู่ภายในตึก ตึกเอ็มไพร์ นั้นเอง

ร้าน Jousen

         “ร้านโจเซ็น” เป็นร้านบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นสไตล์ปิ้งย่างที่มีหลายสาขาด้วยกัน และเชื่อว่าหลายๆ คนคงจะคุ้นหูกันพอสมควร ซึ่งร้านร้านนี้เป็นร้านในเครือ MIYABI ครับ

         สำหรับบรรยากาศภายในร้านนั้นค่อนข้างอึมครึมตกแต่งด้วยโทนดำ บริเวณร้านมีเนื้อที่ไม่ใหญ่มากนัก ด้วยเป็นร้านที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองคิดว่าต้องใช้พื้นที่แบบเต็มประโยชน์ทำให้ผมรู้สึกว่าค่อนข้างแน่นไปนิด

         บริเวณทางเข้าส่วนนี้ตกแต่งด้วยขวดเหล้าญี่ปุ่นหลากหลายแบบ ส่วนนี้เก๋ดีครับผมชอบ แอบถ่ายรูปมาเยอะเหมือนกัน(ไว้รออ่านในรีวิวฉบับเต็มกันเนอะ)

ร้าน Jousen Yakiniku & Bar (2)

         บุฟเฟ่ต์ของที่ร้านมี 2 อย่างคือบุฟเฟ่ต์แบบธรรมดา ราคา 599 บาท และบุฟเฟ่ต์แบบพรีเมียม ราคา 719  บาท นั่งกินได้ 2 ชั่วโมงกินกันไปแบบยาวๆ แถมยังมีอาหารแบบ A La Carte ให้เราสั่งเพิ่มได้อีกด้วย

         เมนูต่างๆ ของร้านนั้นมีให้เลือกหลากหลายมาก เมนูบุฟเฟต์ของที่นี่มีพระเอกเป็นเนื้อที่ทำมาจากวัวชั้นเลิศ เลือกได้ตามความชอบกันเลย

ร้าน Jousen Yakiniku & Bar (3)

         มาเริ่มดูกันว่าวันนี้เราจะสั่งอะไรมาทดลองกล้อง Samung Galaxy Note 5 ได้บ้างเริ่มกันที่น้ำจิ้ม ตามที่เคยอ่านเจอ เค้าบอกว่ามีน้ำจิ้มทั้งหมด 3 แบบแต่ทำไมวันนี้เหลือแค่ 2 ที่เป็นน้ำจิ้มเนื้อย่าง และฟู้ด

ร้าน Jousen Yakiniku & Bar (4)

         ใครที่ชอบ ทานเนื้อเป็นชีวิตจิตใจ ต้องมาลองสักครั้ง ที่ร้านมีเนื้อส่วนต่างๆ ให้เลือกทานกลากหลายไม่ว่าจะเป็นเนื้อลาย, เนื้อติดมัน, เนื้อสัน หากได้ทานดูสักครั้งรับรองว่ากินอิ่มจนพุงกางชัวร์

ร้าน Jousen Yakiniku & Bar (6)ร้าน Jousen Yakiniku & Bar (8)หมูราดซอสโจเซน  

ร้าน Jousen Yakiniku & Bar (12)

         ทางฟากของอาหารทะเล ที่ร้าน Jousen Yakiniku & Bar นั้นก็มีให้เลือกหลายอย่างเช่นกัน แต่ที่เด็ดสุดคงหนีไม่พ้น “ปูนิ่ม” ที่ตัวใหญ่และสดมาก ต่อด้วยน้องกุ้งที่มีแต่ตัวอวบอ้วนใหญ่ดี

ร้าน Jousen Yakiniku & Bar (11)

         มาต่อกันที่หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์, ปลาหมึกนอกจากนั้นก็ยังมีปลาแซลมอนนอร์เวย์ชิ้นโตอีกด้วย

ร้าน Jousen Yakiniku & Bar (9)

คิดถึงหอย..หอยแมลงภู่ ก็มา

ร้าน Jousen Yakiniku & Bar (10)

หอยเชลล์…หอยสดดี

ร้าน Jousen Yakiniku & Bar (5)

กุ้งเทมปุระ ทยอยสั่งกันหลายจานเลยเพราะมันน้อย

ร้าน Jousen Yakiniku & Bar (13)

         แซลมอนสดๆ สีสวยๆ มาพร้อมกับบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างที่อิ่มอร่อย ที่มีไว้เสริฟเราแบบไม่อั้น

ร้าน Jousen Yakiniku & Bar (14)

         ส่วนซูชิรวมเซตนี้ของที่ร้านหากสั่งเป็นแบบพรีเมี่ยม ราคา 719  บาท สามารถสั่งมากินได้ไม่อั้นเช่นกัน

ร้าน Jousen Yakiniku & Bar (17)

         ขาปู๊ว………. “ขาปูซูไวที่ส่งตรงจากฮอกไกโด” ก็มีให้เราสั่งมากินกันแบบไม่อั้น!!  ชนิดที่ว่าไม่ต้องไปถึงฮอกไกโด วันนั้นจัดไปทั้งหมด 3 ตัวใหญ่ๆ เจอแบบนี้ฟิน…… สิครับ 

ร้าน Jousen Yakiniku & Bar (15)

         และแล้วก็ได้เวลาลงเตาครับ…. สำหรับใครที่อย่างไม่เก่งแนะนำให้ถอยออกไปรอทานข้างๆ

ร้าน Jousen Yakiniku & Bar (16)

         หลังจากย่างจนได้ที่แล้ว ก็ได้เวลาทดสอบแล้วว่าเนื้อของที่ร้านจะคุณภาพดีแค่ไหน? ส่วนตัวแล้วอยากจะบอกว่าทั้งเนื้อหมู หรือ วัว ต่างก็นุ่ม ละลายในปาก สมกับเป็นพรีเมียมจริงๆ

ร้าน Jousen Yakiniku & Bar (18)

         มาลองของหวานกันหน่อย แม้จะไม่มีช่องว่างในกระเพาะให้เติมอะไรแล้วก็ตาม แต่ไหนๆ ก็มาแล้วก็ลองสักหน่อยจะได้เล่าให้ฟังได้ว่านสชาติเป็นยังไง

         ส่วนตัวแล้วของหวานอร่อยดีครับ ไม่ว่านะเป็นเยลลี่, เฉาก๊วยมีทั้งแบบนมสดและแบบธรรมดา, หรือไอศรีมชาเขียวถั่วแดง, ที่ชอบมากสุดคงเป็นไอติมไดฟูกุหลากหลายรสที่เห็นจากภาพ เป็นเมนูปิดท้ายสำหรับมื้อนี้!!!!!

         เราเชื่อว่าร้านนี้เป็นร้านโปรดของใครหลายๆคนที่มีใจรักเนื้อย่าง และรักปูชูไวแบบเรา

         หมายเหตุส่งท้ายฝากนิดหน่อย เรื่องการเสริฟอาหารที่มีหลายอย่างขาดไป สั่งแล้วไม่ได้ขาดๆ หาย และของออกช้าจนทำให้รู้สึกว่ากั๊กเวลามากไป

         สำหรับวันนี้เรายังไม่พอแค่นี้ครับ แอบต่อกันอีกนิดที่ร้านคาเฟ่ชื่อดังอย่าง Mr. Jones’ Orphanage Milk Bar(มิสเตอร์ โจนส์ ออร์ฟาเนจ มิลค์ บาร์) ซึ่งตั้งอยู่ภายในตึก ตึกเอ็มไพร์ เช่นเดียวกัน

มิสเตอร์ โจนส์ ออร์ฟาเนจ (12)

         ร้าน Mr.Jones’ Orphanage (มิสเตอร์ โจนส์ ออร์ฟาเนจ มิลค์ บาร์ ) เป็นร้านเบเกอรี่สุดน่ารักที่มีน้องหมีเป็นพระเอกของร้าน น่ารักจริงๆ มีตุ๊กตาหมีเท็ดดี้เต็มไปหมด

มิสเตอร์ โจนส์ ออร์ฟาเนจ (4)         ที่ร้านนั้นเค้าทำเบเกอรี่ทั้งหมดมาว่างไว้ให้เลือกที่กลางร้าน อยากทานอะไรสามารถบอกพนักงานได้เลยครับ ราคาของเบเกอรี่ที่นี่

         สำหรับผมถือว่ากำลังดี เค้กชิ้นใหญ่ ไม่แพงเวอร์ ราคาเฉลี่ยแต่ละชิ้นอยู่ที่ประมาณ 100 บาท ที่แพงจะเป็นส่วนของเครื่องดื่ม ราคาสูงพอๆ กับเค้กเลย อย่างแก้วที่เห็นในภาพนั้นมีราคา 130 บาท(แอบสตั้น 3 วิ)
มิสเตอร์ โจนส์ ออร์ฟาเนจ (11)มิสเตอร์ โจนส์ ออร์ฟาเนจ (2)มิสเตอร์ โจนส์ ออร์ฟาเนจ (9)มิสเตอร์ โจนส์ ออร์ฟาเนจ (5)มิสเตอร์ โจนส์ ออร์ฟาเนจ (6)มิสเตอร์ โจนส์ ออร์ฟาเนจ (8)มิสเตอร์ โจนส์ ออร์ฟาเนจ (10)

         ข้อดีของที่ร้านคือทีนี่มี ปลั๊ก ให้ใช้งานตามโต๊ะด้วย ผมเชื่อว่าร้าน  Mr.Jones’ Orphanage Milk Bar น่าจะทำให้หลายๆ คนหลงรักร้านนี้แบบผมได้ไม่ยากแน่นอน

สรุปผลการทดสอบของ:  Samsung Galaxy Note 5

         เป็นยังไงกันบ้างสำหรับผลงานจากกล้อง Samsung Galaxy Note 5 ที่เราได้ทดลองให้อ่านกันในวันนี้ ลืมเรื่องอาหารไปก่อน

         ส่วนตัวแล้วผมว่าภาพที่ได้จาก Samsung Galaxy Note 5 นั้นใช้ได้เลยครับ เพราะภาพที่ได้ทั้งหมดไม่มีการปรับแต่งเพิ่มเติมอะไร มีเพียงการปรับขนาดให้เล็กลงเพื่อความสมบูรณ์ในการอัพเดทคอนเทนต์เท่านั้น ส่วนโหมดที่ใช้รีวิวในครั้งนี้นั้นทางผมปรับเป็นโหมดออโต้ทั้งหมด(แอบคิดแทนผู้ใช้งานจริงๆ)

      เกือบลืมไป… มีจุดสังเกตุอีกอย่างที่อยากแนะนำนั้นคือ คนที่รักการถ่ายภาพคงต้องคิดหนักหน่อยเพราะ จากการทดลองเล่นล่าสุดนั้นปรากฎว่าหลังจากเปิดกล้องถ่ายรูปสักระยะ Samsung Galaxy Note 5 นั้นมีปัญหาเรื่องโฟกัสและไม่สามารถ กดชัตเตอร์แล้วไม่ได้ภาพ เหมือนพอเครื่องร้อนระบบก็ล็อกไปเลย ทางเทคนิคเรียกว่าอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่สำหรับเจ้าของเครื่องเจอแบบนี้ไป ผมว่าไม่ Happy แน่นอน!!

         สำหรับวันนี้คงต้องลากันไปก่อน คราวหน้าทีมงาน paapaii.com และสกู๊ปพิเศษ “เลนส์ติดปาก” จะมีสมาร์ทโฟรรุ่นใหม่ตัวไหนมารีวิวกล้องให้อ่านกันอีก รอติดตามกันได้นะครับ รับรองว่าเครื่องสมาร์ทโฟนของเรา ใหม่จริง สดจริง