“ฉงชิ่ง” เมืองสุดเจ๋งแห่งหมอกและแสงไฟ ทริป 4 วันที่ทำให้ตะลึง!

"ฉงชิ่ง" เมืองสุดเจ๋งแห่งหมอกและแสงไฟ ทริป 4 วันที่ทำให้ตะลึง!

เคยนึกภาพไหมล่ะ ตึกระฟ้านับพันที่ตั้งเบียดกันบนภูเขา รถไฟที่วิ่งทะลุตึก และแสงไฟระยิบระยับสะท้อนลงบนผิวน้ำแม่น้ำสองสาย? เมืองที่ซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ ราวกับในหนังไซไฟ เมืองที่คนเดินจากตึกหนึ่งไปอีกตึกโดยไม่ต้องลงมาพื้นดิน เมืองที่มีบันไดเลื่อนกลางแจ้งยาวที่สุดในโลก

ทุกอย่างนี้มีอยู่จริงที่ “ฉงชิ่ง” มหานครมหัศจรรย์ที่จะทำให้คุณต้องร้อง “โอ้โห!” ทุกๆ มุมถนน ฉันเคยคิดว่าภาพถ่ายของที่นี่ผ่านการตกแต่งมาอย่างหนัก จนได้ลองมาเห็นกับตาตัวเอง แล้วรู้เลยว่า… ที่นี่มันเจ๋งยิ่งกว่าในรูปอีก ทริปนี้ทำให้ฉันตกหลุมรักเมืองแปลกตาแห่งนี้แบบถอนตัวไม่ขึ้น! และแน่นอนว่าอยากชวนคุณมาหลงรักไปด้วยกัน

เมืองในฝันที่ไม่เหมือนใคร

นี่แหละ ฉงชิ่ง เมืองที่เหมือนหลุดออกมาจากหนังไซไฟ ตอนกลางวัน หมอกจางๆ ลอยปกคลุมให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในดินแดนเทพนิยาย ลำแสงแดดส่องผ่านหมอกเป็นสีทองงดงาม ตึกสูงทันสมัยตั้งเรียงราย แต่ยังมีตึกเก่าแบบจีนดั้งเดิมแทรกอยู่ด้วย ที่สุดยอดคือสะพานเชื่อมตึกแบบลอยฟ้าที่ยาวมโหฬาร ราวกับเส้นด้ายที่ร้อยเมืองนี้เข้าด้วยกัน

พอตกกลางคืน เมืองนี้เปลี่ยนโฉมไปอีกแบบเลยนะ กลายเป็นทะเลแสงไฟนีออนสีสดสุดตระการตา แสงสะท้อนบนแม่น้ำฉางเจียง (แม่น้ำแยงซี) และแม่น้ำเจียหลิง สวยจนต้องหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรัวๆ รถไฟลอยฟ้าวิ่งไปมาระหว่างตึกดูเหมือนงูไฟกำลังเลื้อย เท่สุดๆ

ที่ฮากว่านี้คือผู้คนที่นี่ใช้ชีวิตในแนวตั้งมากกว่าแนวราบ! มีบันไดเลื่อนกลางแจ้งที่ยาวที่สุดในโลก มีลิฟต์สาธารณะเชื่อมถนนกับถนน มีสะพานเชื่อมตึกกับตึก เดินเที่ยวเมืองนี้เป็นเหมือนเล่นเกม 3 มิติ สนุกจนลืมเหนื่อย!

วันแรก: สวัสดีเมืองหมอกสุดฟิน

พอไปถึงฉงชิ่งตอนเย็น ก็ได้เดินชมวิวหน่อยๆ ตอนแรกกลัวว่าจะเจอฝน แต่โคตรเซอร์ไพรส์เพราะอากาศดีมาก! เย็นสบายประมาณ 16-17 องศา ฟินเว่อร์! วันแรกเลยจบลงแบบสบายๆ ด้วยการเข้าโรงแรมและเตรียมกล้องไว้สำหรับพรุ่งนี้

โอ้ เกือบลืมบอก! ทริปนี้พกกล้อง Canon EOS R50V มาด้วยนะ เป็นเพื่อนคู่ใจตลอดทริป เจ้านี่ถ่ายภาพกลางคืนได้คมชัดมาก ไม่มีพลาดแม้แต่ภาพเดียว! น้ำหนักเบาพกพาง่าย แบตอึดยิ่งกว่าหมีฮิเบอร์เนต แถมโฟกัสแม่นแบบไม่ต้องปรับเยอะ กดปุ๊บได้ภาพสวยปั๊บ น้ำหนักแค่ไม่กี่ร้อยกรัม แต่ได้ภาพระดับมืออาชีพเลย

วันที่สอง: ตะลึงกับเมืองไซไฟ

วันที่สองเริ่มต้นด้วยการควักกระเป๋าช้อปปิ้งในมอลล์ลอยฟ้า 7 ชั้นสุดหรู ก่อนจะพุ่งตัวขึ้นตึกหุยซิงชั้น 22 ซึ่งมีวิวพาโนรามาสุดอลัง พอเห็นวิวแล้วนี่อุทานออกมาเลย “อู้หู!” เทียบกับวิวที่เคยเห็นมาทั้งชีวิต อันนี้ต้องติดท็อป 3 แน่นอน! การมองเห็นเมืองจากมุมสูงทำให้เห็นภาพรวมทั้งหมดของฉงชิ่งที่เป็นเหมือนเมืองซ้อนมิติ

แต่ที่เด็ดสุดๆ คือการได้เห็น “รถไฟวิ่งทะลุตึก” ที่สถานี Liziba บอกเลยว่าฮือฮามาก! รถไฟสาย 2 ที่วิ่งผ่านตึกเหมือนในหนังไซไฟ ต้องมาเห็นกับตาตัวเองถึงจะเชื่อ! วินาทีที่รถไฟวิ่งออกจากตึก เสียงกรี๊ดดังขึ้นจากทุกคนที่ยืนรอถ่ายรูป รวมทั้งตัวฉันเองด้วย!

อีกที่ที่ต้องไปให้ได้คือ “หงหยาต้ง” อันนี้เป็นคอมเพล็กซ์จีนโบราณ 11 ชั้นแขวนหน้าผา ออกแบบแบบคูลสุดๆ มีทั้งร้านอาหาร ร้านค้า จุดถ่ายรูปเพียบ! ตอนกลางคืนแสงสีแดงสะท้อนน้ำ โอ้มายก้อด สวยมากกก! การเดินผ่านสะพานเล็กๆ ที่เชื่อมระหว่างอาคารไม้สีแดงเข้ม ท่ามกลางแสงไฟและไอหมอก ช่างเป็นบรรยากาศที่แตกต่างและน่าหลงใหล

ปิดท้ายวันด้วยหม้อไฟฉงชิ่งแซ่บซี้ดดด เผ็ดจนน้ำตาไหล แต่อร่อยจนต้องยกนิ้วให้! น้ำซุปเข้มข้น เนื้อนุ่ม ผักสดกรอบ และรสเผ็ดที่แทงลิ้นแต่หยุดกินไม่ได้ ทำให้มื้อนี้เป็นหนึ่งในมื้ออาหารที่น่าจดจำที่สุดในทริปนี้

วันที่สาม: ท่องแดนเทพนิยาย

วันนี้ฟินหนักมาก หลังจากตื่นมาทานอาหารเช้า เราเดินทางไป อุทยานหลุมฟ้า 3 สะพานสวรรค์ หรือเทียนเชิงซานเฉียว ชื่อยาววววว แต่เรียกย่อๆ ว่า “สวรรค์บนดิน” ก็ได้

จุดไฮไลท์คือระเบียงกระจกใสที่สูง 1,200 เมตร! ตอนเดินนี่ขาสั่นเลย คนกลัวความสูงเหงื่อตกพลั่กๆ แต่คุ้มมากกก ได้รูปที่เหมือนกำลังเหยียบอากาศ สุดยอดไปเลย! แต่ละก้าวที่เดินบนกระจกใส เหมือนกำลังเดินอยู่บนอากาศ มองลงไปเห็นหุบเขาลึกจนหัวใจแทบหยุดเต้น สารอะดรีนาลีนพุ่งปรี๊ด เรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่ตื่นเต้นที่สุดในชีวิต

แล้วยังมีลิฟท์แก้วริมผาให้นั่งอีก มองเห็นวิวพาโนรามาทั้งหุบเขา แม่น้ำ ภูเขา วิวสวยแบบอึ้งไปเลย ขณะลิฟท์เคลื่อนตัวลงสู่หุบเขา ภาพของธรรมชาติที่ค่อยๆ คลี่คลายตัวออกต่อหน้า ทำให้ลืมหายใจไปชั่วขณะ

ไฮไลท์ที่เด็ดสุดคือสะพานสวรรค์ทั้ง 3 แห่ง มีทั้ง “สะพานเทียนหลง” “สะพานชิงหลง” และ “สะพานเฮยหลง” ธรรมชาติสร้างมาสวยเหมือนในนิยาย ทำให้นึกถึงโลกในหนังอวตารเลย! โค้งของหินที่ทอดตัวเป็นสะพานธรรมชาติ ผสานกับสีเขียวของพืชพรรณและสายหมอกบางๆ สร้างภาพที่เหมือนหลุดมาจากโลกแฟนตาซี

ช่วงที่แนะนำให้มาคือเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน เพราะอากาศเย็นกำลังดี ค่าเข้ารวมค่าขึ้นลิฟต์ 125 หยวนเอง คุ้มมากกก

หลังจากเที่ยวจนหอบแล้ว มื้อกลางวันฟินๆ ที่ภัตตาคาร DAZU RAMADA เติมพลังก่อนไปต่อที่บุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างซีฟู้ด HUA YAN SHAN ในตอนเย็น! นี่เป็นบุฟเฟ่ต์ที่กินแบบไม่ยั้ง ทั้งซีฟู้ดสดๆ และเนื้อย่างชิ้นโตๆ ฟินจนลืมนับแคลอรี่ไปเลย!

วันที่สี่: ปิดทริปสุดแสนประทับใจ

วันสุดท้ายก่อนกลับบ้าน แวะไหว้พระที่วัดหลัวฮั่น (Luohan Temple) วัดสวยที่สุดในฉงชิ่ง สร้างมาตั้งแต่ 1,000 ปีก่อน! ข้างในมีพระพุทธรูปเยอะมาก รวมทั้งพระพุทธรูปทองคำองค์ใหญ่และรูปปั้นพระอรหันต์ 500 องค์เลยนะ!

ไฮไลท์ของที่นี่คือได้ขอพรจากพระสังกัจจายน์หินแล้วลูบท้องท่าน เชื่อว่าจะทำให้โชคดีสุดๆ! บรรยากาศในวัดเงียบสงบ ควันธูปลอยอ้อยอิ่ง แสงแดดส่องผ่านช่องหน้าต่างเป็นลำ สร้างภาพที่สงบและน่าประทับใจ

จากนั้นไปเดินเล่นย่านเจียฟางเป่ย (Jiefangbei) ซึ่งเป็นแหล่งช้อปปิ้งกลางใจเมือง เหมือนสยามบ้านเรา! มีทั้งแบรนด์ดัง ห้างหรู และร้านอาหารดีๆ เพียบ รอบๆ มีไฟและจอ LED ที่ทำให้ที่นี่คึกคักได้ทั้งวันทั้งคืน สรรพเสียงของผู้คน ดนตรีจากร้านค้า และแสงสีจากป้ายโฆษณา ทำให้ย่านนี้มีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ

ทริป ฉงชิ่ง 4 วัน 3 คืนนี้ เป็นการผจญภัยที่เกินคาด! ได้เห็นภูมิทัศน์แปลกตาที่ไม่เหมือนที่ไหน ตั้งแต่ตึกระฟ้าที่ตั้งบนเขา รถไฟทะลุตึก คอมเพล็กซ์แขวนหน้าผา ไปจนถึงสะพานสวรรค์ที่สวยจนอยากร้องไห้!

การใช้ชีวิตแบบแนวตั้งของคนที่นี่ บันไดเลื่อนกลางแจ้ง ลิฟต์เชื่อมถนน สะพานเชื่อมตึก ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในโลกอนาคต อาหารก็อร่อยเด็ด ผู้คนก็เป็นมิตร แถมมีประวัติศาสตร์ยาวนาน

ด้านอุปกรณ์ถ่ายภาพ ทริปนี้ผมมีเพื่อนร่วมทางสองตัวที่สลับกันทำงานอย่างลงตัว นอกจากมือถือเครื่องหลักอย่าง OPPO Find X8 ที่ผมใช้งานตลอดทั้งทริปแล้ว ก็มีกล้อง Canon EOS R50V ที่ช่วยเก็บภาพในจุดที่ต้องการรายละเอียดและคุณภาพเป็นพิเศษ

OPPO Find X8 ช่วยในการถ่ายภาพเร็วๆ แชร์ลง social ทันที และใช้ในจุดที่ห้ามใช้กล้องหรือพื้นที่แออัด โดยเฉพาะเลนส์ ultra-wide ที่จับภาพตึกสูงในฉงชิ่งได้ครบทั้งตึก! ส่วนโหมดกลางคืนก็เก็บแสงไฟรอบแม่น้ำได้สวยไม่น้อยหน้าใคร

การมีทั้งสมาร์ทโฟนและกล้องมิเรอร์เลสไปด้วยกันทำให้ไม่พลาดทุกช็อต ไม่ว่าจะเป็นโมเมนต์ฉับพลัน หรือภาพที่ต้องรอเวลาและองค์ประกอบพิเศษ

ฉงชิ่งทำให้ฉันเข้าใจคำว่า “ไม่เห็นด้วยตา ไม่เชื่อหูแน่!” ถ้าไม่มาเอง จะไม่มีวันเชื่อว่าเมืองแบบนี้มีอยู่จริง! ทั้งตึกระฟ้า รถไฟทะลุตึก สะพานลอยฟ้า เทคโนโลยีล้ำสมัยที่ผสานกับวัฒนธรรมโบราณได้อย่างลงตัว ทำให้ฉงชิ่งกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่ผมอยากแนะนำให้ทุกคนได้มาสัมผัสสักครั้งในชีวิต

คุณล่ะ อยากสัมผัสฉงชิ่งแล้วหรือยัง? รับรองว่าคุณจะไม่ผิดหวัง!