ร้านตามกาล อาหารไทยสไตล์ 𝐅𝐢𝐧𝐞 𝐃𝐢𝐧𝐢𝐧𝐠 พร้อมเสิร์ฟความอร่อยโบราณที่หาทานได้ยากในปัจจุบัน …
“ร้านตามกาล” อาหารไทยสไตล์ 𝐅𝐢𝐧𝐞 𝐃𝐢𝐧𝐢𝐧𝐠 พร้อมเสิร์ฟความอร่อยโบราณที่หาทานได้ยากในปัจจุบัน …
โดยคอร์สเมนูของเราในวันนี้จะมีอาหารทั้งหมด 15 คอร์ส รวมทั้งอาหารคาวและของหวานในคอร์สนี้ด้วย ไปดูกันว่าในแต่ละเมนูนั้นจะมีรายละเอียดอะไรที่น่าสนใจบ้าง
เริ่มต้นเรียกน้ำย่อยกันด้วยเมนูทานเล่นกับ “คุ๊กกี้หน้าปัดนาฬิกา” โดยเริ่มที่เมนูแรก จะไม่มีในลิสต์ แต่เป็น complimentary ที่ทางเชฟทำให้พิเศษ
1. เบาๆ กันต่อคอร์สแรกกับ “เปาหลิงโก๊ะ” [อายุ 724 ปี]
เมนูเครื่องดื่มเปิดต่อมรับรส เปาหลิงโก๊ะคือตัวเปิดของคอร์สนี้เลยครับ เครื่องดื่มนี้มีชื่อว่า “เปาหลิงโก๊ะ”
เครื่องดื่มที่ทำจากข้าวเหนียวเขี้ยวงู พร้อมใส่พริกจินดาแดงลงไปด้วย มีรสชาติเปรี้ยวอมเผ็ดนิดๆ เปิดต่อมรับรสได้เป็นอย่างดี
2. ต่อกันด้วย “เครื่องกรอบชาววัง หรือ หมี่น้ำบ้านราชทููต” [อายุ 154 ปี]
เมนูนี้ถูกค้นพบเมื่อ 154 ปีมาแล้วในยุคตอนต้นรัตนโกสินทร์ ป็นอาหารทานเล่นในสมัยนั้น ทางร้านเสิร์ฟหมี่กรอบมาพร้อมกับกรรเชียงปูชิ้นโต เนื้อปูหวานฉ่ำ
ส่วนหมี่กรอบก็ราดมาด้วยซอสที่มีรสหวานเค็มและหอมน้ำซอสมากๆ ทานคู่กับเจลลี่ดอกดาหลาเข้ากันได้ดี
3. ตามด้วยอีกหนึ่งเมนู “มัสยาส้มใบ” [อายุ 724 ปี]
จานนี้เป็นลาบปลากะพงแดงที่เสิร์ฟมาแบบโบราณ คือตัวลาบปลาจะไม่ใส่น้ำมะนาวเลย แต่จะใช้ความเปรี้ยวจากใบชะมวงที่เสิร์ฟมาแทน เวลาทานให้ทานลาบกับใบชะมวงพร้อมกันจะได้รสชาติที่อร่อยพอดี เป็นการให้ความเปรี้ยวตามตำรับอาหารไทยในสมัยก่อนในยุคที่ยังไม่มีการใช้มะนาวนั่นเอง
4. เมนูต่อมาแนะนำว่าต้องลองเพราะมั่นใจว่าหาทานที่ไหนไม่ได้แน่นอนกับ “ร้อนรสโอชเอม” [อายุ 700 ปี]
ข้าวคลุกน้ำพริกสูตรโบราณ ที่ไม่ใช่คลุกน้ำพริกปลาย่างเช่นทั่วๆ ไป แต่เป็นข้าวคลุกน้ำพริกไทยอ่อนจากตำราของหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช
เสิร์ฟมาพร้อมไก่ย่างตะนาวศรี เนื้อนุ่มหอมเครื่องเทศ ทานกับข้าวคลุกน้ำพริกไทยอ่อนที่มีรสชาติเผ็ดจัดจ้านแล้วอร่อยมากๆ
5. อีกหนึ่งเมนูไฮไลต์ต้องขอยกให้กับ “มัจฉาซ่อนรส” [อายุ 1200 ปี]
เมนูนี้ทางร้านเสิร์ฟงบเนื้อปลาบู่ ซึ่งเป็นอาหารที่รับแรงบันดาลใจจากชาวอินโดนีเซียที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานทางภาคใต้ของประเทศไทย ตัวเนื้อปลาบู่นั้นสดและอร่อยมาก นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ลองทานเนื้อปลาบู่ก็ประทับใจเลย ส่วนเครื่องแกงก็เข้มข้น แต่จะมีความเผ็ดไปนิดหนึ่ง หากใครไม่ชอบทานเผ็ดอาจจะต้องระวังหน่อยครับ
6. ต่อด้วย “อัมพิละนางรม” หรือหอยนางรมจี๊ดจ๊าด [อายุ 336 ปี]
ต่อกันที่จานหอยนางรม ที่ทางร้านเสิร์ฟหอยนางรมจากสุราษฎร์ธานีตัวใหญ่คับฝา ออนท็อปด้วยกรานิต้ามะปิ๊ดและขิง
ตัดความคาวและดึงความหวานของตัวเนื้อหอยออกมาได้อย่างเต็มเปี่ยม
7. ส่วนใครมองหาเมนูรสชาติจัดจ้านแต่กลมกล่อมต้องเมูนี้ “เครื่องแกงแฝงพวงร้อย” [อายุ 336 ปี]
ใครที่ชอบทานฉู่ฉี่จะต้องรักจานนี้แน่นอน โดยทางร้านใช้วัตถุดิบที่แปลกใหม่มาทำฉู่ฉี่ในจานนี้กับไข่ปลาช่อน
ตัวไข่ปลาเนื้อแน่นๆ มันๆ ตัดกับรสชาติเผ็ดร้อนของเครื่องแกงฉู่ฉี่ได้แบบเพอร์เฟ็คเลยอร่อยมากๆ กลมกล่อมแบบธรรมชาติ
8. ต่อกันที่เมนูถัดมา “กระยาหารส่งถวาย” หรือซุปไก่ดำรังนก [อายุ 336 ปี]
เมนูซุปที่มีความซับซ้อนในหนึ่งถ้วยเป็นอย่างมาก ทางร้านใช้ไก่ดำและรังนกมาเป็นพื้นฐานในการทำซุป กลิ่นหอมนุ่มละมุน ซดคล่องคอ สดชื่น
9. อร่อยอย่างต่อเนื่องด้วย “เลิศรสลงสรง” [อายุ 112 ปี]
มาถึงเมนูกุ้งแม่น้ำย่าง ที่สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตคนไทยกับสายน้ำตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบุัน และทีเด็ดของเมนูนี้ที่เรายกให้เป็นเดอะเบสท์เลยก็คือตัวซอสน้ำปลา ที่ทางร้านทำมาจากมะกอกและน้ำบูดู คือทานกับตัวเนื้อกุ้งแล้วอร่อยสุดๆ เลย
อยากให้ทุกคนได้ลองครับเมนูนี้
10. เมนูถัดมาเรียกว่า “หมากชื่นกลิ่น”
คั่นกลางคอร์สก่อนจะเข้าสู่เมนูเนื้อที่เป็นเมนคอร์สในวันนี้ หมากชื่นกลิ่นคือกรานิต้ามะเม่า ผลไม้พื้นถิ่นจากภาคอีสาน ที่หาทานได้ยาก มาทำเป็นกรานิตต้าสดชื่น พร้อมกับท็อปด้านบนด้วยมิ้นท์คาเวียร์เพิ่มความสดชื่นให้กับเมนูนี้ด้วย
11. จบท้ายของคาวกันด้วย “การะเกตุถือดาบ” [อายุ 140 ปี]
มาถึงเมนคอร์สของเราในวันนี้กับเมนูการะเกตุถือดาบ ทางร้านจะเสิร์ฟมาเป็นสเต็กซีโครงแกะ ย่างมากับซอสการะเกดสไตล์ไทย
รวมถึงมีน้ำอาจาดที่มีส่วนผสมของขมิ้นและกะทิ ทานคู่กับเนื้อแล้วอร่อยมาก ตัวเนื้อมีความนุ่มละมุน และไม่มีกลิ่นสาบมากนัก คนที่ไม่เคยทานแกะมาก่อนบอกเลยว่าทานได้แบบสบายๆ
12. ปิดท้ายมื้อแสนอร่อยนี้ด้วยของหวาน 3 อย่างเริ่มด้วย “ทวิรสสดชื่น” [อายุ 500 ปี]
เข้าสู่ช่วงของหวานในคอร์สอาหารกันแล้ว เริ่มต้นด้วยเมนู ปลาแห้งแตงโม ที่ปกติแล้วจะถูกนำมาเสนอในรูปแบบอาหารคาว แต่ทางร้านได้ดัดแปลงทำให้เมนูกลายเป็นของหวาน โดยนำเนื้อแตงโมสีแดงและสีเหลืองไปบ่มกับไวน์จนมีรสชาติที่แตกต่าง ทานแล้วหวานฉ่ำมากๆ
13. ต่อกันด้วย “หินฝนทอง” [อายุ 300 ปี]
เมนูต่อมาจะเป็นขนมโบราณที่หาทานได้ยากมาก มีรูปทรงคล้ายๆ กับคุ๊กกี้แต่มีสีดำสนิท แปะทองคำเปลวด้านบนมองดูคล้ายวัตถุมงคลเลย แต่รสชาตินั้นต้องบอกเลยว่ามีความแปลกใหม่แบบที่อาจจะไม่เคยเจอทีไ่หนมาก่อนเลย ต้องมาลองที่นี่ครับ
14. ปิดท้ายจริงๆ กับเมนูขนมหวานโบราณอย่าง “สัมปันนีแคนเบอร์รี่” [อายุ 300 ปี]
ปิดท้ายคอร์สเมนูในวันนี้ด้วยสัมปันนีแคนเบอร์รี่ หรือบิสกิตแคนเบอร์รี่นั่นเอง บิสกิตนี้จะมีรสเปรี้ยวหอม รสชาติแบบแคนเบอร์รี่ชัดเจน เป็นการล้างปากปิดท้ายคอร์สเมนูได้อย่างสมบูรณ์
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตอนนี้วงการอาหารไทยเป็นอะไรที่น่าหลงไหลและน่าสนใจมาก เพราะมีหลากหลายร้านอาหารไทยคุณภาพน้องใหม่เปิดให้บริการมากมาย และแน่นอนว่า “ตามกาล” คืออีกร้านอาหารไทยสไตล์ Fine Dining ที่เราอยากแนะนำให้เหล่าฟู้ดดี้ที่ชื่นชอบอาหารไทยทั้งหลายไปเปิดประสบการณ์ทานอาหารสุดเอ็กซ์คลูซีฟกัน ^^
📍พิกัดความอร่อย: Time Kaan Restaurant (ร้านตามกาล) กินรี อเวนิว ซ.สุขุมวิท 8 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ
🚙💨 Google Map| https://goo.gl/maps/2nhq6gtM8w5o9uCN9
⏰ เวลาเปิด – ปิด : 17.30-23.00 น.
☎️ Tel. 08 2646 1664
🌐🌐 Home Facebook| Time Kaan Restaurant ร้านตามกาล
แน่นอนว่าเราคงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตอนนี้วงการอาหารไทยเป็นอะไรที่น่าหลงไหลและน่าสนใจมาก เพราะมีหลากหลายร้านอาหารไทยคุณภาพน้องใหม่เปิดให้บริการมากมาย และแน่นอนว่า “ตามกาล” คืออีกร้านอาหารไทยสไตล์ Fine Dining ที่เราอยากแนะนำให้เหล่าฟู้ดดี้ที่ชื่นชอบอาหารไทยทั้งหลายไปเปิดประสบการณ์ทานอาหารสุดเอ็กซ์คลูซีฟกัน ^^
📍พิกัดความอร่อย: Time Kaan Restaurant (ร้านตามกาล) กินรี อเวนิว ซ.สุขุมวิท 8 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ
🚙💨 Google Map| https://goo.gl/maps/2nhq6gtM8w5o9uCN9
⏰ เวลาเปิด – ปิด | 17.30-23.00 น.
☎️ Tel. 08 2646 1664
🌐🌐 Home Facebook| Time Kaan Restaurant ร้านตามกาล