อากาศร้อนๆ มาอีกแล้ว! ในเมืองมันก็วุ่นวาย พาไปหาที่ชิลล์ๆ หนีร้อน หนีความวุ่นวาย แล้วไปพักผ่อนที่เงียบๆ ให้ร่างกายได้ผ่อนคลายที่ “เขื่อนเชี่ยวหลาน” หรือ เขื่อนรัชชประภา จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมแล้ว! เก็บกระเป๋าแล้วไปกันเลย
การเดินทาง
เริ่มออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองประมาณ 8 โมง ใช้เวลา 1 ชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงสนามบินสุราษฎร์ธานี นั่นก็คือการเริ่มต้นการท่องเที่ยวทริปนี้
ทริปนี้เราได้ซื้อเป็นแบบทัวร์จากที่พัก จะมีรถตู้มารอรับที่สนามบิน คนละ 2,500 บาท ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินมาถึงเขื่อนรัชชประภา ประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ถึงที่หมาย ไม่รอช้าเดี๋ยวจะร้อนไปกว่านี้ มุ่งตรงไปเจรจาเหมาเรือเพื่อไปที่พักกันเลยคร๊าบ
ค่าใช้จ่าย
(2,500 คือ รวมค่าเรือ+ที่พัก+อาหาร 3 มื้อ) แต่ถ้าอยากนั่งเรือเที่ยวชมภายในเขื่อนต้องเสียเพิ่มอีก 1,000 บาท คร๊าบ
นั่งเรือเพลินๆ รับลมเย็นๆ ระหว่างเดินทางไปยังแพที่พัก ได้ทั้งชมวิวเขาและธรรมชาติในเขื่อน พร้อมกับน้ำสีเขียวใสที่น่ากระโดดลงไปเล่นน้ำมาก ฮ่าๆ
ได้ล่องเรือชมเขื่อนทั้งทีกับการถ่ายภาพมุมสุดฮิตบนเรือ เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึงกัน หุหุ … แต่เสียดายที่ไม่ได้ไปดู “เขาสามเกลอ” มุมสวยๆ ของเขื่อนรัชชประภา
ล่องเรือไปสักพัก ก็ถึงแล้วที่พัก … ที่พักที่เราเลือกคือที่ “ภูผาวารี” ที่พักสวยๆ เป็นแพสีขาว แปลกตาไม่เหมือนใคร แถมที่นี่ยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันอีกด้วยและมีกิจกรรมมากมายให้ได้เล่นกัน
เมื่อถึงที่พักกันแล้ว ท้องก็เริ่มร้อง! ทางที่พักได้มีการจัดเตรียมอาหารไว้ให้ 4 เมนู ได้แก่ ไข่เจียว, คะน้าหมูกรอบ ส่วนอีก 2 เมนู เป็นเมนูปลา แต่จำชื่อไม่ได้ แหะๆ … บอกเลยว่าอร่อยทุกเมนู แถมยังของเพิ่มได้อีกด้วย ดี้ดีย์
หนังท้องตีง หนังตาก็เริ่มหย่อน! ฟ้าเริ่มครื้ม ฝนตกปรอย อากาศเป็นใจอย่างมากเพื่อให้นอน งั้นของีบสักพักละกัน คร่อก z z Z Z
ตื่นแล้วจ้า ท้องฟ้าแจ่มใสในยามเย็น ก็ต้องมานั่งรอชมพระอาทิตย์ตกดินกัน ลืมบอกไปว่าอีกหนึ่งไฮไลท์ของที่พัก “แพภูผาวารี” นั่นก็คือ สามารถรับชมพระอาทิตย์ตกดินได้จากห้องพักกันเลยทีเดียว
หลังจากนั่งชมพระอาทิตย์ตกดินกันเสร็จแล้ว ก็ขอเดินชมแพกันซะหน่อย เดินชิลล์ๆ เดินเพลินๆ ฟ้าเริ่มมืด ก็ได้เวลากลับไปพักผ่อนก่อน เพื่อจะตื่นมาล่องเรือไปชมพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า หมดวันแรกภายในเขื่อน
หลังจากนอนกันเต็มอิ่ม ก็ได้เวลาล่องเรือออกไปดูพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้ากันได้ บอกเลยว่ามาเที่ยว นอนชิลล์ ภายในเขื่อน ได้เห็นทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก มันฟินแบบบอกไม่ถูกกันเลยทีเดียว บรรยากาศยามเช้านี้
ฟินกับบรรยากาศยามเช้ากันเสร็จแล้ว! ได้เวลาเล่นกิจกรรมของที่พักกัน กิจกรรมของที่นี่จะมี พายเรือคายัค ปั่นจักรยานถีบ ห่วงยางเล่นน้ำ ชอบกิจกรรมไหน เลือกเล่นได้เลยคร๊าบ (แต่ละกิจกรรมมีค่าใช้จ่ายด้วยนะ) เราเลือกเล่นกิจกรรมพายเรือคายัค เรือจะมีให้ทุกบ้านพักแต่จะไม่มีไม้พายไว้ให้ ต้องไปวางมัดจำ 500 บาท/ไม้ ก็จะได้ไม้พายมา อย่าลืมเก็บคูปองไว้ด้วยนะ ถ้าคืนแค่ไม้ก็จะไม่ได้เงินมัดจำคืนกันน่ะจ้า
เล่นกิจกรรมกันสนุกสนานกันเสร็จ อาบน้ำแต่งตัว เก็บของ และก็ออกมากินข้าวที่ทางที่พักจัดไว้ให้ ก่อนการเดินทางขึ้นไปที่ฝั่งกัน มาพักที่นี่ได้ทั้งสนุก ได้ทั้งฟินกับบรรยากาศ ได้ทั้งอิ่มท้อง แถมเจ้าของที่พักยังน่ารักอีกด้วย
ก่อนจะถึงฝั่งกัน ขอล่องเรือเก็บบรรยากาศธรรมชาติ ชิลล์ๆ กันให้เต็มที่ก่อนกลับ แล้ววันหน้าเราจะกลับมาอีก เราสัญญา แฮ่
พอมาถึงฝั่งกันแล้ว ก็ออกเดินทางไปตามหาหัวใจก่อนกลับที่ “สะพานแขวนวัดเขาพัง หรือ สะพานแขวนเขาเทพพิทักษ์” เดินเล่น ถ่ายรูป และก็มองตามหาหัวใจกัน การเดินทางก็มาง่ายๆ ไม่ไกลจากเขื่อนรัชชประภามาก แค่ 4 กิโลเมตรเอง
ก่อนจากกันขอฝากด้วยวิวสวยๆ วิวธรรมชาติ ที่หาไม่ได้จากเมืองใหญ่ๆ ลาก่อนเขื่อนรัชชประภา แล้วเราจะกลับมาพบกันใหม่
หากใครกำลังหาที่พักผ่อนชิลล์ๆ หลบทีมความวุ่นวาย แล้วไปตัดขาดจากโลกภายนอก “เขื่อนรัชชประภา หรือ เขื่อนเชี่ยวหลาน” จังหวัดสุราษฎร์ธานี จะตอบโจทย์ในการพักผ่อนกันอย่างดี และหวังว่ารีวิวนี้จะได้ให้คุณอยากไปเที่ยวกันนะคร๊าบบ
แผนที่การเดินทาง