วันนี้เราจะมารีวิวเมืองที่ทาสแมวหลายๆ คนพากันบอกว่าอยากไปเที่ยวให้ได้สักครั้งในชีวิต เมืองที่มีความชิคด้วยสีสันและลวดลายทางวัฒนธรรมอย่าง “ตุรกี” ดินแดน 2 ทวีปกับ
และตุรกียังได้ชื่อว่าเป็นมรดกโลกและสิ่งมหัศจรรย์ของโลก รวมทั้งร่องรอยแห่งอารยธรรมโบราณอันยิ่งใหญ่ เชื่อเราเถอะว่าหากใครได้มาเยือนดินแดนแห่งนี้สักครั้งในชีวิตถือว่าคุ้มแล้ว!
โดยทริปนี้เป็นทริปเล็กๆ ที่พวกเราไปกันเอง เที่ยวเอง วางแผนเอง หากินเอง แบบฉบับมั่วไปเรื่อยๆ และเราพักอยู่อิสตันบูลทั้งหมด แค่เมืองเดียวเราก็หลงมนต์เสน่ห์ของประเทศนี้เข้าเต็มๆ แล้ว
ออกเดินทางสู่ท่าอากาศยานอตาเติร์ก (Ataturk Airport) เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี ด้วยสายการบิน Singapore Airlines
ประเทศในฝันที่ตั้งอยู่บนทวีป 2 คือทวีปยุโรป(ฝั่ง Thrace ของบอสฟอรัส) และทวีปเอเชีย (ฝั่งอนาโตเลีย) ถือเป็นอีกประเทศในฝันซึ่งในที่สุดก็ได้มาเที่ยว
สำหรับการมาเที่ยวรอบนี้เราจองทุกอย่างผ่าน Expedia พร้อมทั้งมาเที่ยวกันเองไม่ได้ผ่านทัวส์หรือมีไกด์พาเที่ยว ดูมันท่าท้ายมากๆ การเดินทางครั้งนี้ถือว่าสุดๆ แล้ว
เรื่องที่พักเราพักที่ Hotel Fehmi Bey ตั้งอยู่ย่านเมืองเก่าใกล้กับฮิปโปโดรม (Hippodrome) หรือ จตุรัสด่านอาห์เหม็ด (Sultanahmed Complex) ห่างจากสนามบินอตาเติร์ก (Ataturk Airport)เป็นระยะทางไม่เกิน 20 กม. ตลอดทั้งทริป ทำให้สามารถเดินทางท่องเที่ยวสถานที่สำคัญย่านนั้นได้ทั้งหมด เหมือนพักอยู่ใจกลางมหานครอิสตันบูล
ที่ Hotel Fehmi Bey มีดาดฟ้าพร้อมวิวของทะเล Marmara Sea และวิวของเมืองเก่าของกรุงอีสตันบูล ทั้งมีอินเทอร์เน็ตไร้สายฟรี แต่ในห้องไม่มีน้ำดื่มให้นะครับ เราสามารถหาซื้อได้จากร้านโชห่วยๆ ได้เลย ร้านค้าแบบนี้หาง่ายกว่าในกรุงเทพอีก
แน่นอนว่าที่เราเลือกพักที่นี้เพราะมันตั้งอยู่ใจกลางสถานที่ท่องเที่ยวมีชื่อเสียงมากมาย และมันยังตั้งอยู่ใกล้ๆ กับสถานนีรถไฟ Sultanahmet Station สามารถเดินไปได้สบายๆ
มาดูห้องพักกันหน่อย สะอาด ปลอดภัยสุดๆ
ด้วยที่ตั้งของที่พักอยู่ใจกลางเมืองทำให้เราสามารถเดินเที่ยวชมที่ต่างๆ ได้ไม่ว่าจะเป็น ฮิปโปโดรม Hippodrome หรือ สนามแข่งม้าโบราณ รวมไปถึง สุเหร่าสีน้าเงิน Blue Mosque ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน
นอกจากนั้นยังมีสุเหร่าเซนต์โซเฟีย Mosque of Hagia Sophia รวมไปถึง อุโมงค์เก็บน้าเยเรบาตัน Yerebatan Sarnici ที่เขาบอกว่าอยากให้ลองเข้าไปชมความงามเสาที่มีหัวของเมดูซากลับหัว ก็อยู่ย่านนี้เช่นกัน
บริเวณรอบๆ ที่พักจะมีของกินเล่นแบบนี้วางขายกันเรียงรายให้เราได้ลองมากมายครับ
อ่อลืมบอกไปว่าช่วงเวลาที่เราไปคือ 27 ธันวาคม – 4 มกราคม สำหรับอากาศที่ อิสตันบูล ถือว่ากำลังเช้าๆ ประมาณ 6 องศา แต่ช่วงที่เราไปมีฝนตกลงมาบ้างบางวัน ทำให้ท้องฟ้าไม่ค่อยเปิดมากนัก
การเดินทางของเราเกือบทั้งทริป เดินทางด้วย Tram เป็นหลัก โดยดูทุกอย่างผ่าน Google Map (Google Map ที่นี่ไว้ใจได้) ครับ
หากต้องการไป Taksim ด้วย Tram สาย T1 ไปลงที่สถานี้ Kabatas ก่อนเสมอ แล้วต่อรถใต้ดินคือ สาย F1 ที่วิ่งไปมาระหว่าง Kabatas – Taksim
โดยสถานีตรงที่เราพักมีชื่อว่า Sultanahmet Station ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจาก Hotel Fehmi Bey มากนัก พวกเราใช้วิธีเดินมาที่สถานี
เริ่มกันด้วยที่เที่ยวซึ่งเรียกได้ว่าเกือบจะอยู่ติดกับที่พักของเราอย่าง ฮิปโปโดรม Hippodrome หรือ สนามม้าโบราณ
บริเวณนี้จะมีร้านอาหารร้านอาหารรวมไปถึงร้านของฝากเล็กๆ ให้เราเลือกช้อป ชิม กันด้วย
วิหารเซนต์ โซเฟีย (Saint Sophia) หรือวิหารซันตา โซเฟีย อีก 1 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองอิสตันบูล สร้างขึ้นใน
นักท่องเที่ยวรอเข้าคิวซื้อบัตรเข้าชม เจอไปแบบนี้เราเลยคุยกันว่าคงไม่เข้าไปดูข้างในครับ แอบเสียดายเหมือนกันแต่คนเยอะมากจริงๆ สู้ไม่ไหว
สุเหร่าสีน้ำเงิน “บลูมอสก์” (Blue Mosque) อีกสถานที่ท่องเทียวที่ทุกคนต้องแวะเวียนมาชมความงามของสถาปัตยกรรมที่รวมสุดยอดของสองจักรวรรดิอย่างออตโตมันและไบเซนไทน์มารวมกันที่เรียกได้ว่าสวยงามไม่แพ้กับ Hagia Sophia เลย และมันได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมไปเมื่อปี พ.ศ. 2528
อ่างเก็บน้ำใต้ดินเยเรบาตัน (Yerebatan Sarnıcı) ซึ่งสุเหร่าสีน้ำเงิน, วิหารเซนต์โซเฟีย และอ่างเก็บน้ำใต้ดิน สถานที่
มัสยิดสุไลมาน (Suleyman the Magnificent) มัสยิดใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจาก Blue Mosque ตั้งบนเขาลูกที่ 3 ของอิสตันบูล มองเห็นได้แต่ไกล มัสยิดสุไลมาน ไม่ไกลจากแกรนด์บาร์ซ่า เดินทะลุมหาวิทยาลัยอิสตันบูลไป ถ้ามีเวลาแวะไปครับ สวยมากๆ
ระหว่างทางเส้นทางเดินไป ก็จะมีมุมชิกๆ ให้แวะถ่ายรูปไปเรื่อยๆ
สุเหร่าสสุเลย์มานิเย (Süleymaniye Mosque) ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งใน อิสตันบูล จุดถ่ายรูปสวยในเมืองอิสตันบูลกับหลังคามัสยิดแบบนี้ อยู่ด้านหลังมัสยิดสุไลมาน โดยไล่ระดับตามหน้าผาลงไป ด้านหน้ามองเห็นทะเลและสะพานกาลาต้า สวยงามมากจริงๆ
และใกล้ๆ กันยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยอิสตันบูล แถมย่านนี้ของกินอร่อยด้วยนะ ใครอยากลองเคบับเเสนอร่อยชิ้นใหญ่สไตล์ตุรกีแท้รอให้คุณได้ลิ้มลองที่นี้ จะบอกว่าย่านร้านเคบับเพียบเลย
พระราชวังโดลมาบาห์เช (Dolmabahce Palace) อีกสถานที่ซึ่งเราแนะนำให้แวะไปชมความงานครับ
พระราชวังโดลมาบาชเช่ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลมาร์มาราในช่องแคบบอสฟอรัสฝั่งทวีปยุโรป สร้างด้วยหินอ่อน พระราชวังที่สุดสวยหรูหราอลังการและใช้เวลาการสร้างยาวนานถึง 30 ปี สียดายพวกเราไม่ได้ไปเพราะวันที่ไปกันเป็นวันที่ 31 เหมือนเขาจะปิด แต่แค่เดินผ่านๆ ก็ชื่นใจแล้ว!
ย่านทักซิมสแควร์ (Taksim Square) ย่านที่ไม่เคยหลับใหลในอิสตัลบูล เป็นย่านที่คึกคักที่สุดในมหานครอิสตันบูล เอาจริงๆ แถวนี้คึกคักมากทั้งนักท่องเที่ยวเอง ทั้งคนตุรกีเองที่ชวนกันมาพักผ่อน ช้อปปิ้งกัน
ย่านนี้จะมีถนนคนเดินชื่อว่า Istiklal Street เป็นย่านที่คึกคักมากๆ เหมือนสยามบ้านเรา มีร้านค้าให้เลือกช้อปปิ้งมากมาย ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขนมวางเรียงรายรอให้เราได้เลือกชิมมมากมาย มาเดินย่านนี้รับรองได้ว่าเพลินสุดๆ
รถไฟสาย Taksim-Tunel สัญลักษณ์หนึ่งของเมืองอิสตันบูล
เราเชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยได้ยินมาว่าเมืองอีสตันบูลตุรกี คือเมืองแห่งแมวสามารถเจอแมวอ้วนๆ ได้ทั่วๆ ใช่แล้วครับ คุณได้ยินมาไม่ผิด เพราะแต่ละสถานที่จะมีเจ้าบ้านอ้วนๆ น่ารักเหล่านี้คอยแทรกตัวปะปนให้เราเห็นเสมอ
แถวๆ ถนน Istiklal Street มีร้านอาหารที่อยากให้ไปลองอยู่ 1 ร้านจำชื่อร้านไม่ได้ แต่หาไม่ยาก คืออร่อยมากๆ ถ้าใครไปเที่ยวลองแวะไปดูนะ
ต่อกันที่ตลาดแกรนด์บาซาร์ (Grand Bazaar) เป็นตลาดในร่มที่มีขนาดใหญ่และเก่าแก่ตลาดหนึ่งของโลก ถูกสร้างขึ้นประมาณปี 1455 หลักๆ ที่นี่เขาจะขายของพื้นเมืองให้เลือกซื้อมากมาย มีร้านขายของด้านในมากกว่า 4,000 ร้าน(คล้ายๆ กับตลาดจตุจักรบ้านเราครับ แต่สวยและน่าเดินกว่าเยอะเลย)
ใครที่ชอบโคมไฟสวยๆ สไตล์ตุรกี พรมตุรกี จาน-ชามเซรามิกหลากสีสันสดใส ถ้าได้มาเที่ยวคือบอกได้คำเดียวว่าคุณไม่ควรพลาด พรมตุรกีสวยมากและราคาไม่แพงเกินไปด้วย(แต่แนะนำว่าราคาบอกมาสูงเหมือนพ่อค้าบ้านเรา ต่อรองได้ต่อไปเลยไม่ต้องอาย) โดยตลาดเปิดตั้งแต่วันจันทร์- เสาร์ 9.00-19.00
10. ตลาดสไปซ์มาร์เก็ต ((Spice Market) สามารถนั่งรถไฟมาลงที่สถานี Eminonu ได้เลยตลาดเครื่องเทศ โดยชาวอียิปต์มาค้าขายเครื่องเทศสารพัดชนิด มีมาตั่งแต่ปี 2140 ท่านสามารถเลือกซื้อของฝากได้ในราคาย่อมเยา ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ ชาหรือกาแฟ รวมถึงผลไม้อบแห้งอันเลื่องชื่อของตุรกี อย่าง แอปพลิคอท หรือจะเป็นถั่วพิทาชิโอ ซึ่งมีให้เลือกซื้อมากมาย
อีกสถานที่แนะนำคือหอคอยกาลาตา (Galata Tower) แหล่งประวัติศาสตร์เป็นหอคอยเก่าแก่ที่สุดในโลก สร้างราว 1,500 ปีก่อนยุคบาเซนไทน์ เริ่มแรกทำด้วยไม้ ก่อนจะถูกสร้างใหม่ในยุคออตโตมัน(500 ปีก่อน) และตั้งตระหง่านเป็นสัญลักษณ์ของเมืองอิสตันบูลมาถึงทุกวันนี้ ค่าขึ้นหอคอย 25TL (230 บาท) แต่เราไม่ได้เข้าไปเที่ยวนะเวลาไม่พอ
ล่องเรือช่องแคบบอสฟอรัส การล่องเรือรอบนี้เราจองออนไลน์ผ่านเอเจนมาจากประเทศไทย เพราะมีเพื่อนอีกหลุ่มที่กำลังตั้งครรภ์ทำให้ไม่สามารถเที่ยวแบบชิลล์เหมือนวันก่อนๆ ได้ การเที่ยววันนี้จึงถือว่าสบายที่สุด Hahaha
ก่อนไปล่องเรื่อเอเจนพาเราไปแวะชิมกาแฟแบบตุรกีทามกลางอากาศหนาวรอเวลากันก่อนแต่เราจำไม่ได้ที่ไหน ที่เห็นภาพเบลอๆ ไม่ใช่กล้องไม่ดีนะ มันหมอกลงแล้วก็หนาวมากๆ หนาวชนิดที่ว่าควันออกปากเลย แถมฝนก็ตกด้วย เรียกว่าครบเลย
ต่อกันด้วย….เป็นพระราชวังอะไรสักอย่างเนี้ยแหละ เราจำไม่ได้
ประมาณ 10.00 น. ก็ได้เวลาเดินทางไปล่องเรือกันแล้ว… Let’s Go
แอบเสียดายมากเพราะช่วงวันที่เราไป ฟ้าครึ้มทั้งวันเลย ฝนก็ตกปรอยๆ ตลอด ทำให้ฟ้าไม่เปิดเราเลยอดได้ภาพสวยๆ มาฝากกัน
เบื้องหน้าเราคือสะพานที่เชื่อมระหว่างทวีปยุโรป และเอเชีย
ของจริงตรงหน้า ยิ่งใหญ่และสวยงามกว่าเยอะเลย…
ยังๆ ยังไม่จบเพราะเรากำลังจะพาไปเที่ยวต่อกันที่ จุดชมวิวเมืองอิสตันบูลที่สวยที่สุดอย่าง เปียลอททึ (Pierre Loti)
ถือเป็นอีกสถานที่ห้ามพลาดเด็ดขาดเพราะวิวด้านบนสวยมากๆ การขึ้นไปด้านบนนั้นเราต้องนั่งกระเช้า Cable Car ขึ้นสู่ยอดเขา Pierre Loti Hill อ่านว่า เปียลอททึ กว่าจะถึงแทบแย่ เพราะน้องไนท์บอกว่าที่มาครั้งล่าสุดมีเรือไปเลยอยากพานั่งเรือ
แต่อัปเดตล่าสุดคือเที่ยวเรือไป Pierre Loti Hill ไม่มีแล้วเราเลยต้องเปิด Google หารถรถเมย์ไปแทน เอาจริงนะโครตสนุก! เรียกว่าทริปนี้ รถไฟ เรือ เมล์ มากันครบ
โดยด้านบนยอดเขาเราสามารถเห็นวิวของโกลเด้นฮอร์นและทัศนียภาพของนครอิสตันบูลได้อย่างชัดเจน
สวัสดีเจ้าถิ่น…
น้องไนท์บอกว่ายามค่ำคืนของที่นี้จะสวยมากๆ ให้อารมณ์อีกแบบ ดังนั้นพวกเราเลยต้องหาร้านนั่งรอเวลาให้ฟ้ามืด ซึ่งด้านบนมีร้านอาหารไว้บริการด้วยครับ โดยร้านอาหารจะอยู่อีกฝั่งของจุดชมวิวครับ
จริงๆ สั่งชาร้อนๆ มาจิบเพลินๆ ก็ได้อยู่เพราะอากาศข้างบนหนาวกำลังดีเจอชาหรือกาแฟตุรกีร้อนๆ เข้าไปฟินเวอร์
แมวเท่านั้นที่ครองโลก
ที่นี่จะมีคนมานั่งตกปลาบนสะพานเต็มไปหมด
จบทริปเบาๆ ด้วยร้านอาหารข้างที่พัก คนไทยน่านะแวะมาเยอะ เพราะเราเห็นธนบัตรชนิดต่างๆ ของบ้านเราโชว์ไว้ในร้านมากมาย
ถ้าคุณรักแมว มาเถอะ อิสตันบูล เมืองที่คุณจะต้องหลงรักเหมือนผม
ทริคง่ายๆ ที่ควรรู้
– เที่ยวตุรกีไม่ต้องใช้วีซ่า (อันนี้เค้ารู้กันมานานละ) แค่มีพาสปอร์ตไทย ก็เข้าประเทศตุรกีได้เลย แล้วก็ไม่ต้องเขียนใบเข้าเมือง ใบออกเมืองด้วยนะครับ เดินตัวเปล่าๆ เข้าช่องของ ตม. ได้เลยครับผม ตม. ปั๋มให้เลยสบายๆ
– แลกเงิน ใช้เงินยูโร หรือ ยูเอสดอลล่าร์ มาแลกเป็นเงินลีร่าที่สนามบินสะดวกมากครับ แต่แนะนำว่าอย่าแลกเยอะ เอาแค่พอค่ารถพอ เพราะเค้าคิดค่าคอมมิชชั่นด้วยนะครับ ให้ไปแลกแถวที่เที่ยวในเมืองครับ ไม่คิดค่าคอม
– บัตรอัคบิล สำหรับไว้เดินทาง สามารถใช้ได้หมด รถใต้ดิน รถราง รถเมล์ได้เกือบทั้งหมดครับ แล้วก็สามารถเติมเงินได้ตามตู้เติมเงินที่มีอยู่เกลื่อนเมืองไปหมดครับ แล้วก็ใช้บัตรนี้ขึ้นรถต่างๆ ราคาประหยัดกว่าจ่ายเงินสดครับ
บัตรของที่นี้บัตรเดียวคุณสามารถขึ้นรถราง, รถไฟฟ้า, รถบัส ได้เลยครับ สะดวกมากๆ แล้วถ้าคุณมากันหลายคน คุณใช้บัตรเดียวกันได้ แค่เอาบัตรประทับที่เครื่องผ่านเท่ากับจำนวนคนครับ ไม่เหมือนเมืองไทยที่ 1 บัตรต่อ 1 คน)
ต้องเดินออกมาด้านหน้าสนามบินมองข้ามไป เจออาคารจอดรถ เดินเข้าไปในอาคาร แล้วลงลิฟท์ไปชั้นล่าง จะเจอสถานีรถไฟใต้ดิน ป้ายเบ้อเริ่ม สบายใจได้ ไม่หลงแน่นอน
ค่าโดยสารเราต้องเอาเหรียญ 1 ลีร่า หรือธนบัตร 5 10 20 ลีร่า ไปหยอดตู้ เพื่อแลก TOKEN มาไว้หยอดตู้เข้าไปในสถานีรถไฟ เงินหมดก็เติมเอาตามสถานีเติมได้หมด
ส่วนใครจะจ้างรถตรงสนามบินก็มีไว้บริการหาไม่อยาก อยู่ในสนาบินเลย
– ถ้าชอบเที่ยวพิพิธภัณฑ์เยอะๆ ให้ซื้อ มิวเซี่ยมพาส ราคา 72 ลีร่า ใช้ครบจะคุ้มมากครับ เพราะเข้าพิพิธภัณฑ์ได้ฟรีหลายที่ แต่ไม่รวมวังโดลมาบาร์เช่นะครับ อีกทั้งเอาไปเป็นส่วนลดซื้อของฝากได้จากๆหลายๆร้านด้วยครับ
– อาหาร สำหรับใครที่คิดจะมาเที่ยวที่ตุรกีแล้วกังวลเรื่องอาหาร ขอบอกเลยว่าไม่ต้องกังวล อาหารที่นี้มีให้เราได้เลือกทานหลากหลาย เรียกว่าอาหารถูกปากกว่าประเทศ ประเทศอินโดนีเซีย,ประเทศมาเลเซีย หรือประเทศฟิลิปปินส์ อีกครับ(ผมลองมาหมดละ)
ส่วนใครอยากกินอาหารทะเล แนะนำให้นั่ง Tram ไปลงที่สถานี Karakoy ตรงนั้นมีร้านอาหารให้เลือกเยอะ (ใต้สะพานกาลาตา)
– สายด่วนฉุกเฉิน: ตำรวจ 155, ดับเพลิง 110, ฉุกเฉิน 112, ข้อมูลนักท่องเที่ยว 170, ช่วยเหลือเด็ก/สตรี 183, ตำรวจท่องเที่ยว (0212)5274503 (เฉพาะอิสตันบูล)
สำหรับทริปนี้เราต้องขอขอบคุณ น้อง NightPhoomin ไนท์เพื่อนข้างบ้าน ที่อาสามาเป็นไกด์คนพิเศษพาเราเที่ยวด้วยครับ และหากมีโอกาสอีกรอบหน้าสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะไปเที่ยวเมืองคัปปาโดเกียและนั่งบอลลูนให้ได้!!!