หายใจให้สุดปอด!!! (กาญนะจ้ะอีกครั้ง จะกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ?) ทริปสั้น 1 วัน1 คืน หนีงานไปพักสังขารแปบ…
… Kanchanaburi Again …
วันหยุดที่ผ่านมาได้ฤกษ์รวมทีมงานคนคุ้นเคยนัดกันมาเม้าท์มอยอย่างเป็นทางการ พวกเราเลยชักชวนกันไปเที่ยว ส่งท้ายหน้าร้อนกับการเที่ยวแพ เดอะ ริเวอร์ ไลฟ์ รีสอร์ต (The River Life Resort ) กาญจนบุรี ทริปใกล้กรุงเทพ สะดวกสบายในการเดินทางและไม่ต้องมีวันหยุดเยอะก็เที่ยวได้
เรียกได้ว่าการเที่ยวครั้งนี้เหมือนการยกพลขึ้นเขาลงแพกันเลยทีเดียว ด้วยจำนวนเพื่อนร่วมทริปที่มากถึง19 คน หากไม่เรียกยกพลก็คงไม่ได้
…เช็กอิน 13.30 น. ก็น่าจะครบพอดี สำหรับการออกจาก กทม. 09.30 น.
ทยอยออกจากกรุงเทพตอนเช้า รถคันของเราเริ่มชาร์ตพลังด้วยกาแฟสักแก้ว อิ่มท้องเบาๆ ก่อนออกเดินทางตอนเช้าแบบชิลล์ๆ ได้กาแฟแรงๆ ทำให้ตาเริ่มตื่น แค่นี้แอดบีก็พร้อมละน๊า Let’s go… ได้เวลากระโดดขึ้นรถ พร้อมเดินทางต่อ…
สวัสดีวันหยุด สวัสดีความสุขที่มากับสายน้ำ ^ ^ ในที่สุดเราก็ถึงจุดหมายปลายทาง….
Check in เสร็จมีเวลาให้ได้นอนเล่นกันนิดหน่อย เพราะราวๆ 16.00 น. เราต้องเตรียมตัวไปล่องแพเปียกสนุกๆ แม้ฝนจะยังตกลงมาก็ตาม… (ค่าล่องแพ ราคาคนละ 150 บาท)
สิ่งสำคัญก่อนล่องแพคือเราต้องใส่เสื้อชูชีพที่รีสอร์ทเตรียมไว้ให้ เรารู้ว่าหลายคนว่ายน้ำเป็น แต่เพื่อความปลอดภัย อยากให้ใส่กันทุกคน
เย้!! ได้เวลา
ตู้มมมมม!!
สำหรับรอบนี้เราเลือกห้องพักแบบ RAFT ZONE เป็นห้องพักบนแพริมน้ำครับ คืนนี้เราจะนอนบนน้ำ เฟอร์ในห้องทุกชิ้นสร้างจากไม้จริงหมด เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศโดยรอบ
และแต่ละห้องก็มีระเบียงส่วนตัวที่เพียงแค่เปิดเปิดประตูบานเลื่อนใบใหญ่ออกไปก็สามารถนั่งเอาเท้าจุ่มน้ำหรือนั่งรับลมมองดูคนนั่งเรือผ่านไปมา หรือ เอาเท้าจุ่มน้ำได้จากหน้าห้องของเราได้เลย
ห้องนอนแต่ละห้องสามารถเดินผ่านไปมาหากันได้….
หายใจลึกๆ สูดโอโซนได้เต็มปอด กระโดดน้ำที่ไหลเย็นชื่นใจ… เริ่ด!!! มากกก
อ่ะเริ่มได้!!
ทริปนี้เรา ประทับใจมากธรรมชาติสุดๆ สวยมากทุกมุมมองไปทางไหนก็สบายตา ทุกอย่างรอบตัวรายล้อมไปด้วยภูเขาและสายน้ำ เรียกว่าได้พักร่าง พักสมองจริงๆ
18.00 น. ได้เวลามื้อค่ำ มื้อนี้มาดูกันมีอะไรอร่อยๆ ให้เราได้กินบ้าง?
ในที่สุดก็ได้เวลากินแล้วสินะ \(^0^)/
นอนแพก็ต้องหากิจกรรมสร้างความสามัคคี ได้เวลาปาร์ตี้แล้วสินะ!
กรี๊ดดด…ตื่นเช้ามาแม้สายฝนจะยังลงมาปอยๆ แต่เราก็ได้พบกับสายหมอกหน้าฝน ที่ล่องลอยอยู่เหนือสายน้ำ….
ฝนตก…เราเหงา
วันที่สองได้เวลาเช็คเอ้าท์ พวกเราไม่ได้ไปไหนเพราะฝนตกตลอดทั้งวัน ฟ้าครึ้มทั้งวัน ฝนตกตลอดเส้นทาง เป็นมนต์เสน่ห์ของการท่องเที่ยวยามหน้าฝน บรรยากาศ ฉ่ำๆวันฝนตก นอนรับไอเย็น ฟังเสียงฝนกระทบสายน้ำ สูดกลิ่นไอจากธรรมชาติ ถึงฝนจะตกเราก็ฟิน
ลมแรงมาก…รังมันบินมาจากไหนไม่รู้
หลังจาก Check Out แล้ว พวกเราจะไปถ่ายภาพเล่นกันที่ ต้นจามจุรียักษ์ กันต่อครับ ซึ่งถือว่ามันเป็น Unseen อีกแห่งที่ต้องแวะมา
เพื่อนๆคนไหนมากาญจนบุรีแล้วถ้ามีโอกาสอย่าลืมแวะสวนสัตว์ของที่นี่กันด้วยน๊า…..
การเดินทาง
ทริปนี้พวกเราเอารถไปเอง จึงไม่มีรายละเอียดของการเดินทางด้วยรถ บชส., รถตู้, และรถไฟ แต่เราจะมาเช็คอินให้ทราบว่าหากเอารถไปเอง และไปตามเราคุณจะมีเวลาแวะ Check in ที่ไหนได้บ้าง? แนะนำให้วิ่งตาม “จีพีเอส” ไม่หลงชัวส์ ถึงทางเข้าจะหายาก แต่ถ้ามาตามจีพีเอสไม่หลงแน่นอน
ที่พัก
เราพักห้องแบบ RAFT ZONE ราคา 3,500 บาท( สำหรับ 2 ท่าน ) คือคิดเป็นหัวออกมาก็คุ้มอยู่ ถ้าไปคนเดียวเปลี่ยวๆ ก็ถือว่าราคาค่อนข้างสูง พร้อมอาหาร 2 มื้อ Breakfast + Dinner (เตียงเสริม 800 บาท)
ส่วนคนที่มีน้องหมา พวกเราสอบถามเพิ่มเติมมาฝากกัน คือที่นี้เราสามารถเอาน้องหมามาได้นะครับแต่ต้องไม่เกิน 5 กก.