สวัสดีครับ วันนี้เรามีรีวิวทริปการเดินทางออกไปเที่ยวต่างประเทศเล็ก ๆ มาให้อ่านกันครับ แพลนการเดินทางครั้งนี้ไม่มีอะไรเลย โจทย์ของเราไม่ยากนักอยากได้ประเทศที่ไม่ต้องแพลนอะไรมาก สามารถเดินทางได้สะดวก และที่สำคัญไปถึงแล้วเราสามารถท่องเที่ยวได้ด้วยตัวเอง มาเก๊า ชื่อที่ผุดขึ้นมาในหัวเป็นอันดับต้นๆ เพราะเป็นเมืองเล็ก ๆ ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก กระเป๋าพร้อมก็ไปได้เลย และที่สำคัญสถานที่เที่ยวส่วนใหญ่ของที่นี่เกือบทั้งเมืองแทบไม่ต้องเสีย เงินค่าเข้าชม
อีกอย่างการเข้ามาเก๊าไม่ต้องใช้ Visa ครับ ใช้เพียง Passport เท่านั้นแต่อายุการใช้งานต้องเหลือกมากว่า 6 เดือนครับ ง่ายเข้าไปอีก
การเดินทางไปมาเก๊าครั้งนี้เราเลือกสายการบิน Air Asia ครับเพราะมีหลายเที่ยวบิน ซึ่งปัจจุบันเที่ยวบิน Air Asia จากกรุงเทพฯ(ดอนเมือง) ไปมาเก๊าจะมีอยู่ด้วยกัน 4 เที่ยวบิน / วัน (ไป 4 กลับ 4) ขาไปเครื่องออก 7.00, 10.15, 13.50, 18.30 ส่วนขากลับมีเที่ยวบินคือเวลา 10:50, 14:15, 19:50, 22:10
เวลาค่อนข้างดีครับมีให้เลือกเอาตามที่สะดวกและที่สำคัญเค้ามีโปรโมชั่น พิเศษออกมาตลอดอีกด้วย ใช้เวลาในการเดินทาง จากสนามบินดอนเมือง–มาเก๊า ประมาณ 2 ชม 45 น.
สำหรับทริปนี้ผมเลือก Flight แรกเลย ออกจากดอนเมืองครับทุกอย่างถูกจองผ่านระบบออนไลน์หมด ง่าย สะดวก และประหยัดเวลามากครับ เคาน์เตอร์เช็คอินที่สนามบินดอนเมืองของแอร์เอเชียตอนนี้คนยังไม่เยอะ มากๆ บริเวณรอบที่เช็คอินยังโล่ง ๆ ครับอาจด้วยพวกเรานัดกันมาไว เพราะจะได้เช็คอินแล้วจะได้มีเวลาเหลือเข้าไปเดินเล่นในสนามบินดอนเมืองใหม่ หลังการปรับปรุง ส่วนการเช็คอินก็เลือกเช็คอินผ่าน Self Check-in เค้า สะดวกสบายแถมทำง่าย ๆ ครับ หากใครไม่โหลดสัมภาระก็สามารถเดินเข้าได้เลย แต่หากต้องการโหลดก็สามารถเลือกโหลดสัมภาระแล้วเค้าจะมี Counter ให้ไปโหลดครับ ถ้าไม่เกิน 7 กิโลถือขึ้นได้ครับ ในที่สุดพวกเราก็ได้เหยียบลงแผนดินมาเก๊า ใครที่กลัวเรื่องด่านตรวจคนเข้าเมืองไม่ต้องกลัวนะครับเจ้าหน้าที่ตรงสนาม บินใจดีมาก ง่าย ๆ เพียงแค่เราทำตามขึ้นตอนที่แนะนำเท่านั้น
++ หมายเหตุ++ ราคาแท็กซี่ของที่นี่เริ่มต้นด้วยราคา 17 เหรียญและหากกระเป๋าไม่ใหญ่มากนัก แนะนำว่าให้เอาขึ้นรถไปเลยครับ ไม่ต้องใส่หลังรถเพราะมันชาตร์เงินเพิ่มต่างหากครับ และถ้าให้ดีเปิด Google Maps คำนวณระยะทางไปพร้อม ๆ กันกับแท็กซี่ อย่างที่บอกไปข้างต้นแล้วครับว่าทริปของเราคือ แพลนน้อย เที่ยวง่าย จ่ายคุ้ม เพราะฉะนั้นสถานที่ต่าง ๆ ที่เราจะไปเที่ยวระหว่างทริปนี้จะใช้การเดินเป็นหลักโดยใช้ Google Map ในการนำทาง แต่สำหรับใครที่ไม่ถนัด Google Map เราก็มีแอปพลิเคชันในการเดินท่องเที่ยวมาเก๊าออย่าง (http://en.macautourism.gov.mo/corner/phone_apps.php) มาแนะนำกัน ลองโหลดมาเล่นกันดูนะครับ
คืนแรกเรานอนที่ Hotel Metropole ตั้งอยู่ใจกลางเมืองอีกทั้งยังอยู่ไม่ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวมากมายของเมือง ผมค่อนข้างชอบที่นี่นะครับ เพราะรู้สึกว่าค่อนข้างสะดวกสบายดี เพราะว่าสิ่งอำนวยความสะดวกค่อนข้างครบส่วนราคานั้นอยู่ที่ 4,000 บาท
ส่วนตัวผมว่าคุ้มมากครับสำหรับคืนวันเสาร์ หากไปกันหลายๆ คนหารกันออกมาเหลือนิดเดียวเอง คุ้มยิ่งกว่าคุ้มนะ ในที่สุดก็เวลาเที่ยวของเราก็เริ่มขึ้นแล้ว จากที่พักเราสามารถเดินไปชมความงามของ Macau Tower ได้ไม่ยากครับ ด้วยตอนนี้ที่มาเก๊าอากาศดีประมาณ 18 องศาทำให้พวกเดินไม่นานก็ถึง Macau Tower หอคอยที่ได้ชื่อว่ามีความสูงเป็นอันดับที่ 8 ในเอเชีย และสูงเป็นอันดับที่ 10 ในโลก แต่น่าเสียดายที่วันนี้มีหมอกลงทำให้พวกเราไม่ได้ขึ้นไปชมความงามด้านบนของ Macau Tower แบบเต็มๆ เราจึงเดินถ่ายรูปเล่นต่อไปเรื่อยๆ ด้วยความยิ่งใหญ่ของ Tower ทำให้ผมบอกกับตัวเองว่าต้องกลับมาขึ้นไปชมความงามด้านบนให้ได้
โดยมาเก๊าทาวเวอร์จะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10.00-21.00 น. ทุกวัน โดย ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 75 MOP$ เด็ก นักเรียน ผู้สูงอายุ 35 MOP$ ถ้ามาเป็นครอบครัว 150 MOP$ นี่เฉพาะค่าขึ้นชมนะครับไม่รวมค่ากิจกรรมครับ การเดินทางมาที่มาเก๊าทาวเวอร์ก็ไม่ยากครับ นั่งรถเมล์สาย 9A, 18, 21, 23, 32
เดินเที่ยวเล่นรับอากาศจนพอใจ พวกเราก็กลับโรงแรมเพื่อพักผ่อนนอนเอาแรงสำหรับกิจกรรมในวันต่อไป…
เริ่มต้นวันต่อมาด้วยการออกเดินเล่นสำรวจเมืองนิดหน่อยเพื่อหาอะไรมื้อ แรกร้อน ๆ เบาๆ ทานรองท้องก่อนออกเที่ยวในที่สุดก็หวยไปออกที่ร้านโจ๊กครับ
ร้านนี้มีชื่อว่า Cheng ji congee (成记粥品 ) เป็นร้านที่เดินออกมาจากโรงแรมไม่มากนัก ตั้งอยู่ด้านหลัง Senado Square เดินมาไม่ไกลมากอยู่ในซอยเล็ก ๆ ระหว่างตึก เห็นจากภาพแนะนำให้ไปลองทานดูครับ อร่อยมาก ที่สำคัญคนขายใจดีมาก พูดภาษาไทยได้ด้วย คุณลงแกสวัสดีครับกับพวกเราตลอดเวลา ที่ร้านคนเยอะมาก พอได้ลองทานก็ถึงบางอ้อว่าทำไมร้านเล็ก ๆ ริมถนนถึงได้มีลูกค้าเยอะขนาดนี้ โจ๊ก หมูร้อน ๆ ที่เสริฟเนื้อเนียนละเอียดรสชาติออกมันๆ ผิดกับโจ๊กของบ้านเราเลย ส่วนตับหมูก็หั่นมาชิ้นโตๆ ตับสดและหวานมาก
ต้องบอกว่าเครื่องเยอะมาก
หมูสับก้อนกลมๆ ขนาดกลางๆ ไม่ใหญ่ไม่เล็กไป ปรุงรสชาติมาแล้วนิดหน่อย ปาท่องโก๋ของที่นี่นี้ตัวจะยาว ๆ ประมาณหนึ่งฟุต ก่อนนำมาเสริฟก็หั่นขนาดพอดีคำจัดใส่ถ้วยมาให้ จากภาพที่เห็นทำให้รับรู้ได้ว่าคนที่นี่ใจดีและไม่หวงของเลย ประทับใจสุด ๆ หลังจากอิ่มแล้วก็เดินทอดน่องกันไปเรื่อย ๆ เป้าหมายต่อไปคือ แมนดารินเฮ้าส์ (Mandarin House) ลัดเลาะตามถนนเล็ก ๆ จากด้านหลังที่มีชื่อว่า ถนนแห่งความสุข (Rua da Felicidade) มาเก๊า ในอดีตบริเวณนี้เคยเป็นศูนย์กลางของย่านโคมแดงในมาเก๊าและเป็นเส้นทางที่จะนำความสุขมาให้แก่บางคน ปัจจุบันถนนสายนี้ได้ถูกปรับเปลี่ยนเป็นที่พักเกสต์เฮ้าส์ ภัตตาคาร ร้านอาหาร ไว้ค่อยต้อนรับนักท่องเที่ยวครับ ระหว่างเดินชิลเราก็สะดุดตากับร้านนี้ Dragon Portugese ร้านอาหารชื่อดังที่อยากแนะนำ แต่ใครจะมาอุดหนุดร้านนี้ต้องมาตามเวลานะครับเพราะ ร้าน Dragon Portugese cuisine เปิด-ปิด 12:00 pm (เที่ยงวัน) – 3:00 pm และ 6:00 pm – 11:00 pm ถนนเดินง่าย ๆ ครับเพราะถนนเกือบทั้งหมดเป็นทางวันเวย์นาน ๆ ครั้งจะมีรถวิ่งเข้ามา เดินชิลๆ เล่นไปเรื่อยทางก็จะเจอกับเป้าหมายของเรา บ้านแมนดาริน(Mandarin’s House) ที่ตามประวัตินั้นมัน ถูกก่อสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1869 เป็นบ้านแบบจีนโบราณของนักประพันธ์จีนอยู่ยิ่งใหญ่นามว่า “เฉิง กวนยิง” ปัจจุบันคฤหาสน์เก่าดังกล่าวเปิดให้เข้าชมฟรีครับ บริเวณลานหน้าบ้านที่แสดงการผสมผสานระหว่างรายละเอียดของความเป็นจีนกับความ เป็นตะวันตก ไม่ว่าจะเป็น การใช้อิฐสีเทาประดับโค้งประตู หรือหน้าต่างระแนงทำจากไม้ซุงประดับด้วยแผ่นกระดานสี่เหลี่ยมกรุมุกด้วยลวด ลายแบบอินเดีย
มีสวนในบ้านด้วยครับ
ชมด้านในตัวตึกกันต่อครับ พอเข้าไปในตัวตึกต้องบอกว่า เก่ามากแต่เค้าก็บำรุงรักษาอย่างดี พอเข้าไปในส่วนของบ้านแล้วจะเห็นว่าประกอบไปด้วยเรือนหลายหลังมีอาณาบริเวณ แบ่งเป็นสัดส่วนต่าง ๆ ให้เราได้ถ่ายภาพและเดิมชม
– เวลาเปิดให้บริการ: 10:00 น. ถึง 18:00 น. (ประตูปิดหลัง 17.30 น. ปิดทุกวันพุธ ยกเว้นวันนักขัตฤกษ์)
– เปิดให้เข้าชม :10:00 – 18:00 น. (ปิดวันพุธและวันพฤหัสบดี)
– เข้าชมฟรี รถประจำทางสายที่ผ่าน : 9, 16, 18, 28B – โทร: +853 2896 8820
จากแมนดารินเฮ้าส์ ไม่ไกลนักเราสามารถเดินไปไว้พระขอพรที่ วัดอาม่า (A-Ma Temple) ได้ครับเพราะตั้งอยู่ใกล้ ๆ กัน การมาเที่ยวของเราในครั้งนี้เลยขอเอาฤกษ์เอาชัยด้วยการเข้าไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์กัน นักท่องเที่ยวมักพูดเสมอว่า หากเที่ยวมาเก๊าหากไม่ได้ไปสักการะองค์อาม่าที่วัดแห่งนี้ถือว่ายังไปไม่ถึงมาเก๊า
ต้นไม้คู่รัก
ตามตำนานเล่ากันมาว่า วัดอาม่า หรือ ศาลเจ้าแม่ทับทิม ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายให้กับอาม่า องค์เทพธิดาแห่งท้องทะเล เป็นวัดที่ถูกสร้างขึ้นก่อนที่จะมีเมืองมาเก๊า ดังนั้นวัดอาม่าจึงกลายเป็นวัดที่เก่าแก่สุดในมาเก๊า มีบันไดทางเดินขึ้นไปด้านบน ระหว่างทางมีศาลบูชาอีกหลายที่ให้เราแวะไหว้พระเป็นจุด ๆ ครับ
– วัดอาม่าเปิดให้บริการ: 7 โมงเช้า – 6 โมงเย็น
– เส้นทางเดินรถโดยสารประจำทาง: 1, 2, 5, 6B, 7, 10, 10A, 11, 18, 21A, 26, 28B, 55, MT4, N3
หลังจากไหว้พระแล้วก็ได้เวลาเดินทางกลับโรงแรม แต่ระหว่างทางกลับนั้นเราต้องผ่าน เซนาโด้สแควร์ อีกครั้งแต่คราวนี้เป็นช่วงบ่ายแก่ ๆ ละมาดูกันครับว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมามากน้อยขนาดไหน
ถึงแล้วววววววว เซนาโด้สแควร์ (Senado Square) แหล่งชอปปิ้งขนาดใหญ่ใจกลางเมืองมาเก๊า จัตุรัสเซนาโดเป็นลานสาธารณะที่มีขนาดกว้างใหญ่
ที่นี่เป็นศูนย์รวมของชาวเมืองและเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของมาเก๊า โดดเด่นด้วยลวดลายพื้นถนนที่สลับไปมาเป็นเกลียวคลื่น รวมถึงตัวอาคาร โบสถ์ ทุกอย่างล้วนมีสีสันสวยงาม
เซนาโด้สแควร์ (Senado Square) สร้างโดยช่างชาวโปรตุเกส สถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิกสีพาสเทลแล้วยังเป็นช็อปปิ้งที่รวมร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ เอาไว้มากมาย ที่นี่จะได้พบกับช็อปแบร์นดังแทรกตัวท่ามกลางสถาปัตยกรรมเก่าอย่างลงตัวและกลมกลืน พูดเลยว่าถนนช้อปปิ้งใจกลางเมืองที่รวมทุกสิ่งทุกอย่างไว้ด้วยกัน หากเดินมาสุดทางเราจะได้เจอกับ “โบสถ์ เซนต์ โดมินิค (St. Dominic’s Church)” ที่ยังคงความสวยงามจากอดีตถึงปัจจุบัน ภาพด้านล่างเป็นภาพที่ถ่ายมาเมื่อตอนเดินไปหาอาหารเช้าทานกันครับ ยังไม่มีคนเลยผิดกับยามบ่ายที่คนพากันออกมาช๊อปปิ้ง แนะนำว่าถ้าอยากถ่ายรูปกับสถาปัตยกรรมสวยๆ ต้องออกมาก่อนร้านค้าเปิดหรือประมาณไม่เกิน 9.00 นาฬิกาครับ เดินเล่นกันซักพักก็เริ่มหิวอีกแล้ว!! คร่าวนี้เพื่อนสาวก็เลยพาไปหาอะไรอร่อยทานที่ร้าน Wong Chi Kei ตั้งอยู่บริเวณ Senado Square หากเข้าทางด้านหน้าร้านอยู่ทางซ้ายมือครับ
“ร้าน Wong Chi Kei” เป็นร้านชื่อดังอีกร้านของมาเก๊า ที่อยากแนะนำให้ไปลองหากมีโอกาสมาเที่ยวที่มาเก๊า อาหารของที่ร้านอร่อยเกือบทุกอย่าง ยิ่งเป็นบะหมี่เกี๊ยวแล้วรับรองไม่ผิดหวังเส้นบะหมี่จะมีขนาดเล็ก แต่คงความเหนียวนุ่ม ซึมซับรสชาติของซุปได้ดี เกี้ยวอร่อย ลูกชิ้นปลาทอด อร่อย อาหารถูกปากทุกอย่าง หน้าตาเมนูตามนี้จ้า จะเสียบไว้อยู่ทุกโต๊ะเลย บะหมี่เกี๊ยวกุ้งฮ่องกง สนนราคา 32 เหรียญคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 144 บาท อยู่ใจการเมืองแบบนี้ถือว่าราคาไม่แพงมากครับ เส้นบะหมี่ไข่ เส้นบะหมี่ของร้านนี้เป็นแบบเส้นเล็กๆ ต้องบอกว่า เส้นเค้าเหนียวนุ่มหนึบ มากเลย แล้วน้ำซุปนี้ก็จะหอม ๆ ไส้เกี๊ยวเนื้อกุ้งล้วนๆ ไส้เกี๊ยวถ้วยต่อมาเป็นหมูครับ เมนูนี้ชื่อว่า ลูกชิ้นปลาทอด อร่อยดีครับเป็นการนำปลามาสับแล้วปั่นเป็นก่อนนำไปทอด ทานคู่กับหอยลายดองเค็มครั้งแรกที่ได้ลองทานแบบนี้รสชาติเข้ากันดีครับ(เมนูนี้อาหารออกช้าหน่อยเพราะเค้าทอดใหม่ ๆ ทุกครั้ง) สำหรับมื้อนี้ทานไปรวม 3 อย่าง ราคา 118 เหรียญ ก็ประมาณ 500 บาท ต้องบอกว่า ให้เส้นมาพอสมควร เกี๊ยวก็แน่น ๆ อร่อยและอิ่มมากเลย
เส้นทางเดินรถโดยสารประจำทาง: 3, 3X, 4, 6A, 8A, 18A, 19, 26A, 33, N1A
ทริปเพิ่มเติมครับ… จากจุดนี้เราสารถเดินไปชมความงามของซากโบสถ์เซนต์ปอล ได้เช่นกันให้เลี้ยวซ้าย ตรงร้าน Body Shop นี้ แล้วเดินตรงอย่างเดียว ประมาณ 500 เมตรครับ
หลังจากนั้นพวกเราก็เดินกลับโรงแรมเพื่อเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมครับเพราะได้เวลาแล้ว คืนนี้เราจองโรงแรมไว้ฝั่งไทปา หลังจากเข้าเช็คอินโรงแรมเป็นที่รียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาไปเดินเล่นต่อกัน ที่ซึ่งเรากำลังจะไปมีชื่อว่า Taipa Houses–Museum ตั้งอยู่ไม่ใกล้จากโรงแรมมากนัก กล้องพร้อม คนพร้อม ว่าแล้วก็ไปกันเลย…. ช่วงนี้ชมวิวสวย ๆ ของที่พักครับ พิพิธภัณฑ์บ้านไทปา (Taipa Houses–Museum) ที่ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ ในการเดินทางของเรากับการมาเก๊าครั้งนี้ ที่นี่ประกอบไปด้วยอาคาร 5 หลังสีเขียวขาวคลาสสิคสไตล์โปรตุเกส ตั้งอยู่เรียงกันริมน้ำ
แต่ละหลังมีชื่อเรียกต่างกันเริ่มด้วย Macanese House, House of Islands, House of Portugal Regions, Exhibition Gallery และ Reception House ครับ บ้านหลังนี้เปิดให้เข้าชมภายในครับ ด้านในเป็นการจำลองภาพชีวิตในอดีต วิวด้านหน้าของหมู่บ้านไทปาเป็นทะเลสาบกับเวเนเชี่ยน พิพิธภัณฑ์บ้านไทปา (Taipa Houses Museum) เป็นอีกพิพิธภัณฑ์หนึ่งซึ่งมีความสวยงามและขึ้นชื่อว่าเป็นถนนสายโรแมนติกของทุกคู่รักและเป็นอีกสถานที่ยอดนิยมที่คนมาเก๊านิยมมาถ่ายพรีเวดดิ้งกัน หลังจากเก็บภาพ พิพิธภัณฑ์บ้านไทปาจนครบแล้ว ก็ได้เวลาเดินเล่นต่อ สำหรับวันนี้อากาศค่อนข้างเป็นใจมาก เรียกได้ว่าแสงแดดไม่มีเลยครับ อากาศคร่าว ๆ ก็น่าจะประมาณ 18 องศา พวกเราเลยคุยกันว่าเดินเล่นหาร้านกาแฟอร่อย ๆ กันไปเรื่อย ๆ ดีกว่า ครับ
– เวลาที่เปิดให้บริการ: 10:00 น. ถึง 18:00 น. (จำหน่ายบัตรผ่านประตูถึง 17:30 น.) ปิดทุกวันจันทร์ ราคาตั๋ว: ผู้ใหญ่ $5.00 ปาตากาส์ นักเรียนหรือกลุ่ม $2.00 ปาตากาส์ ฟรีค่าผ่านประตูสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีและผู้ใหญ่อายุมากกว่า 65 ปี ไม่ต้องเสียค่าผ่านประตูในวันอาทิตย์
– เส้นทางเดินรถโดยสารประจำทาง: 11, 15, 22, 28A, 30, 33, 34 เดินไปตามทางเดินด้านหลัง
– โทรศัพท์.: +853 2836 6866
พิพิธภัณฑ์บ้านไท บริเวณบนเขาเพนญ่าเป็นที่ตั้งของโบสถ์เพนญ่าที่สง่างาม และเป็นที่พำนักของบาทหลวงครับ เชื่อแล้วว่าเป็นสถานที่ยอดนิยมจริง ๆ เราเจอคู่รักมาถ่ายพรีเวดดิ้งอีกคู่แล้ว พวกเราเดินเล่นกันออกมาเรื่อย ๆ จนเจอถนนอีกสาย เป็นวันเวย์เดินไปตามทาง มีร้านเล็ก ๆ มากมายตลอดเส้นทางเดิน ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ชา กาแฟ รวมถึงถนนของกินที่มีทั้งของกินเล็กน้อยไปจนถึงของฝากครับ ในที่สุดพวกเราก็เจอร้านกาแฟแล้วที่เดินตามหาแล้ว ร้านดังกล่าวเป็นร้านกาแฟเกาหลีครับ ตกแต่งร้านได้น่ารักดี อากาศเย็น ๆ แบบนี้ต้องโดนกาแฟร้อนสักแก้วครับ เดินตรงเข้าไปจะเจอแบบนี้เค้าเรียกว่า Taipa Food street เป็นเส้นทางที่รวมร้านขายของฝากขึ้นชื่อของที่นี่รวมไปถึงของทานเล่นไม่ว่าจะเป็นไอศกรีม น้ำผลไม้ เบอร์เกอร์หมูทอด และขนมอื่นๆ ตลอดทางที่เดินไปเราจะพบเห็นร้านอาหารต่างๆ สารพัดชาติเลย น้ำปั่นทุเรียนยังมีเลยครับ แถวนี้จะมีร้านขายหมูแผ่นเยอะมากครับ ร้านไหนอร่อยคนจะล้นออกมานอกร้าน และที่สำคัญต่างหยิบยื่นหมูให้เราได้ชิ้มกันครับ เดินละลายทรัพย์กันจนเพลินมองเวลาอีกทีทำให้รู้ว่าเราต้องกลับโรงแรมกันแล้วครับ เพราะคืนนี้เรามีนัดดูโชว์ House of Dancing Water การแสดงที่มีใช้น้ำประกอบได้อย่างน่าทึ่ง
โดยการแสดงชุดนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมจีน หลังจากดูโชว์จบผมพูดได้เลยครับว่าเป็นโชว์ที่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแสงสีเสียงเค้าอลังการ เนื้อเรื่องดำเนินได้อย่างสนุก น่าติดตามตลอดทั้งโชว์จริง ๆ แนะนำว่าหากมีเวลาอยากให้ลองมาดู
วันสุดท้ายแล้ว แต่เรายังไม่ได้ไปไหว้พระขอพรองค์เจ้าแม่กวนอิ่มตามที่ตั้งใจกันเลย ยังไงก็ต้องไปให้ได้ โดยนั่งรถ Shuttle Bus ไปลงตรงท่าเรือ Macau Ferry Terminal และนั่งรถแท็กซี่ไปราคาประมาณ 20 เหรียญมาเก๊า
ถึงแล้วครับวัดเจ้าแม่กวนอิม (Templo Kun Iam, Kun Iam Temple) วัดเจ้าแม่กวนอิมเป็นวัดเก่าแก่เป็นอันดับสามของที่นี่ และองค์เจ้าแม่กวนอิมที่เรามาสักการะในวันนี้เป็นคนละองค์กับเจ้าแม่กวนอิมริมทะเลนะครับ อันนี้คนส่วนใหญ่จะเข้าใจผิด จริงๆ ตรงโคโลอานเป็นอาม่าเจ้าแม่ทับทิม ภาพแรกที่ได้เจอหลังจากเดินเข้ามาในบริเวณวัดด้านในครับ มีต้นไม้เยอะรอบๆ บริเวณทำให้ร่มรื่น “วัดเจ้าแม่กวนอิม” เป็นวัดพุทธที่มีความสำคัญกับชาวมาเก๊ามาก เพราะภายในมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจ
หลังจากก้าวข้ามประตูวัดเข้ามาเราจะเจอกับ ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 คอยปกปักษ์รักษาอยู่ คือ ทิศเหนือ ท้าวเวสสุวัณ (ถือเจดีย์) ทิศตะวันตกเป็นท้าววิรูปักษ์ ทางด้านทิศตะวันออก ท้าวธตรัฐ (ถือพิณ) และทิศใต้เป็นท้าววิรุฬหก (ถือดาบ) พระสังกัจจายน์เป็นรูปวาด ภายในบริเวณวัด ร่มรื่นมากๆ ตัววัดแบ่งออกเป็น 3 ชั้นประกอบไปด้วย โถงแรกสุด คือหอหลักที่ประดิษฐานของ “องค์พระประธาน 3 พระองค์”, โถงที่สองประดิษฐาน “องค์พระศรีอาริยเมตไตรย” และห้องในสุดครับ เป็นที่ประดิษฐานของ “พระโพธิสัตว์กวนอิม” รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมที่สวมชุดของช่วงเวลานี้อยู่บัลลังก์ที่มีชายผ้า (สำหรับเครื่องแต่งการเจ้าแม่มีการเปลี่ยนเปลี่ยนทุกปี) ด้านข้างทั้งสองประกอบไปด้วยรูปหล่อขนาดเล็กสีทอง 18 อรหันต์ แบ่งเป็นฝั่งละ 9 องค์ครับ เจ้าหน้าที่วัดนำธูปเจดีย์ที่มีคนมาจุดบูชาขึ้นแขวน ซึ่งคนมาเก๊าเชื่อกันว่าธูปยิ่งยาวยิ่งโชคดีและมีอายุยืนยาว และเรามีทริปเล็กน้อยมาแนะนำกันคือ หากท่านมีแผนกำลังจะเดินทางมาสักการะแม่กวนอิมแล้วละก็ต้องมาไหว้ท่านก่อนเวลา 11.00 น. เพราะเชื่อว่าเป็นช่วงเวลาที่ท่านยังบริสุทธิ์อยู่ ถือเป็นช่วงที่ดีสุดและจะประสบโชคดีเป็นอย่างยิ่ง
จุดเด่นของที่นี่คือเจ้าแม่กวนอิม ซึ่งศักดิ์สิทธิ์มากขอได้ทุกเรื่องจะให้พรสมปรารถนา และไฮไลท์อีกจุดคือพระสังกัจจายที่เป็นแกะสลักไม้ เอามือไปลูบสามครั้งแล้วเก็บใส่กระเป๋า จะร่ำรวย โชคลาภ
นักท่องเที่ยวส่วนใหม่ที่มาเยือนมาเก๊ามักไม่พลาดที่จะมาขอพรที่วัดแห่งนี้ ดังนั้นหากเป็นไปได้อย่าพยายามมาตรงกับวันหยุดเพราะเราจะเจอกับจำนวนของฝูงชนล้นหลามมากจนอาจจะไม่มีสมาธิในการอธิษฐาน
– เวลาที่เปิดให้บริการ: 07:30 น. ถึง 17:00 น.
– เส้นทางเดินรถโดยสารประจำทาง: 12, 17, 18, 23, 28C
หากเดินมาจากวัดเจ้าแม่กวนอิม ให้เลี้ยวขวาและตรงมาเรื่อยๆ ประมาณ 2 กิโลเมตร ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งให้เราได้ชมความงานถ่ายภาพกันครับ จุดนี้เรียกว่าซากโบสถ์เซนต์ปอล (Ruins of St.Paul’s)
มีซากประตูโบสถ์เซนต์ปอลหลงเหลืออยู่ฝั่งเดียวผุพังตามกาลเวลาแต่ยังคงความสง่างามทางประวัติศาสตร์อยู่เหมือนเดิม และในปี ค.ศ. 2005 ยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนโบสถ์แห่งนี้ให้เป็นมรดกโลก ซากโบสถ์เซนต์ปอล ถือเป็นอีกสถานที่ยอดนิยมจริง ๆ ครับใครมาเที่ยวมาเก๊าก็ต้องแวะมาหามุมถ่ายภาพภาพคู่กับซากโบสถ์เซนต์ปอล หากมองจากด้านหน้าโบสถ์เซนต์ปอลเราจะเห็นภาพเมืองมาเก๊าจากมุมสูงชุดเจนครับ
สำหรับที่สุดท้ายก็ทริปนี้เรากำลังจะเดินไปเที่ยวเล่นที่ มาเก๊า ฟิชเชอร์แมน วาร์ฟ (Macau Fisherman’s Wharf) ซึ่งจากจุดนี้เราสามารถเดินได้เหมือนกัน(ค่อนข้างไกลนิดหน่อย) แต่เราสามารถเดินได้ครับ แถมตอนนี้อากาศของมาเก๊าอยู่ที่ 17 องศา ทำให้เราเดินกินลมชมวิวได้สบาย
ถึงแล้วครับ “มาเก๊า ฟิชเชอร์แมน วาร์ฟ (Macau Fisherman’s Wharf)” ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นโครงการ Entertainment Complex ที่มีทุกอย่างของมหาเศรษฐี สแตนลีย์ โฮ เจ้าของบ่อนแกรนด์ลิสบัวครับ
มีมุมถ่ายรูปเจ๋งๆ เพียบ จุดเด่นของที่นี่คือเป็นศูนย์รวมความบันเทิง มีทั้งร้านค้า คาสิโน ร้านอาหาร ห้องประชุม ศูนย์การแสดงสินค้า และ มีการจำลอง สนามกีฬาโคลอสเซียมแห่งกรุงโรมมาไว้ ณ ที่ Macau Fisher Man’s Wharf ให้เราได้เข้าไปเดินเที่ยวชมกันได้ฟรีๆ ด้วยครับ แผนผังภายใน Fisherman Wharf ด้านในเป็นเหมือนสวนสนุกย่อมๆ ถ่ายรูปสวยๆ แล้วก็รวมร้านอาหารกินดื่มยามค่ำคืน เดินมาหลายชั่วโมงท้องก็เริ่มหิวอีกแล้ว มื้อนี้ขอลองติ่มซำสักมื้อก่อนบินกลับเมืองไทยครับ เมนูอาหารของร้านมีหลายอย่างเลยครับ แต่พวกเราตั้งใจจะสั่งแค่ ติ่มซำ มาทานกัน ทุกอย่างล้วนน่าทานและอร่อยไม่ทำให้ผิดหวังจริง ๆ ครับ อิ่มท้องแล้วก็เริ่มมีแรง เลยได้เดินสำรวจต่ออีกนิดหน่อย อีกฝั่งเป็นทะเลครับมีท่าเทียบเรือด้วย จากตรงนี้เราสามารถมองเห็นท่าเรือ Macau Taipa Ferry Terminal ด้านหลัง เส้นทางเดินรถโดยสารประจำทาง: 1A, 3, 3A, 10, 10A, 10B, 12, 23, 28A, 28B, 28BX, 28C, 32 และ AP1
โชคดีที่การไปเที่ยวของเราครั้งนี้โรงแรมที่เราพักมี Shuttle Bus ให้นั่งฟรีดังนั้นการเดินทางระหว่าง เขตเมืองเก่าและเมืองใหม่ได้ตลอดเวลา เป็นข้อดีที่ทางโรงแรมบริการ หากใครอยากประหยัดเงินจะลองนำวิธีนี้ไปใช้ดูก็ได้นะครับ
เป็นไงกันบ้างครับสำหรับทริปเล็ก ๆ กับไปเที่ยวเมืองนอกในชีวิตครั้งแรกของผม หวังว่ามันพอจะเป็นไกด์ดี ๆ ให้ใครหลายคนที่กำลังจะมาเที่ยวมาเก๊าได้ไม่มากก็น้อยครับ
มาเก๊าเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่คุณต้องลองมาเที่ยวสักครั้งในชีวิต ทั้งเกาะสามารถเดินเที่ยวไปถึงกันหมดทำให้แต่ละวันเราสามารถเดินเที่ยวได้หลาย ๆ ที่เลยครับและตอนนี้นั้นที่มาเก๊า กำลังสร้างรถไฟฟ้าด้วย อีกไม่นานทั้งเกาะจะมีรถไฟฟ้าวิ่งอำนวยความสะดวกให้เราเพิ่มขึ้นมาอีกช่องทาง หากใครต้องการที่จะเริ่มท่องโลกกว้างก็ทำได้ที่นี่ปลอดภัย ไม่ต้องแพลนอะไรมาก เที่ยวง่าย และที่สำคัญจ่ายคุ้ม เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ในที่สุดก็ได้เวลาเดินทางไปสนามบินแล้ว เจอกันอีกทีทริปหน้าครับ
วันนี้ขอขอบคุณและทุก ๆ ท่านที่ติดตามชมกันมาจนจบครับ หากผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ หากมีข้อสงสัยหรืออยากทราบข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดตามได้อีกช่องทาง www.facebook.com/Paapaiii
ขอบคุณและสวัสดีครับ