แหล่งเรียนรู้ความเป็นไทย “ณ สัทธา อุทยานไทย”

Travel

Paapaii.com พาไปเที่ยว “ณ สัทธา อุทยานไทย” แหล่งรวมความรู้ของอาณาจักรไทย ศาสนา และบุคคลสำคัญ อีกหนึ่งสถานที่พักผ่อนหย่อนใจแห่งใหม่ของจังหวัดราชบุรี

“ณ สัทธา อุทยานไทย” สถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดราชบุรี ชื่อเดิมคือ “อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม” ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบใหม่

ภายใต้คอนเซป “ความรู้นอกตำรา ความสงบสุขในอ้อมกอดของธรรมชาติ” พบกับความสุขเรียบง่าย และความรู้มีสีสัน ผ่านเทคโนโลยีทันสมัยและธรรมชาติอันร่มรื่น ที่ผสมผสานทุกองค์ประกอบอย่างลงตัว #เพราะเราอยากให้คุณมาแล้วมีความสุขกลับไป จนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ที่ต้องมาสัมผัสกันสักครั้งเมื่อมาเยือนจังหวัดราชบุรี

การเดินทางมายัง “ณ สัทธา อุทยานไทย” เดินทางง่าย สะดวก ใกล้กรุง ตั้งอยู่ที่ อ.บางแพ จ.ราชบุรี บนพื้นที่กว่า 42 ไร่ โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติน้อยใหญ่ คอยให้ร่มเงาและความร่มเย็นแก่ผู้ที่เดินทางมาท่องเที่ยว มาชม มาเรียนรู้ มาพักผ่อนหย่อนใจกัน

ภายใน “ณ สัทธา อุทยานไทย” ได้มีการแบ่งโซนที่น่าสนใจ ออกเป็นดังต่อไปนี้

มหาราชกษัตรา
ณ สัทธานุสรณ์
ณ สัทธาปฎิมา
ถ้ำพุทธชาดก
อริยสัทธา
สัทธาถิ่นเรือนไทย
ลานภิรมย์
ลานอวโลสัทธา

เข้ามาด้านในก็จะได้พบกับสัญลักษณ์ของที่นี่ สีเหลืองทองอร่าม โดดเด่น สวยงาม อยู่บริเวณทางเข้า ใกล้จุดจำหน่ายบัตรเข้าชมอุทยาน … ซื้อบัตรเสร็จปุ๊บ ได้เวลาเข้าไปลุยอุทยานกันด้ายยย

ก่อนอื่นเลย ต้องเริ่มต้นด้วยการลงทะเบียน พร้อมดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น “ณ สัทธา” เพื่อความสนุกและได้ฟังสาระน่ารู้ ความบันเทิง ตลอดในการเยี่ยมชมภายในอุทยานกัน

แต่เดี๋ยวก่อน ตามจุดแสดงต่างๆ สามารถสแกน QR Code เพื่อตามหา “น้องปิติ” ให้ได้ครบ 15 ตัว ก็จะสามารถรับของที่ระลึก “พวงกุญแจน้องปิติ” ติดไม้ ติดมือ กลับบ้านกันได้อีกด้วย

ขั้นตอนต่อไป ภายในอุทยานมีบริการให้เช่าชุดไทย เท่ียวอุทยาน มีชุดสวยๆ หลายแบบ ทั้งชุดพี่หมื่น แม่หญิงการะเกด ชอบชุดไหน เลือกไว้ไปถ่ายรูปกันเพลินๆ ได้เลยคร๊าบ ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 200 – 450 บาท ราคาขึ้นอยู่กับแบบที่เลือกใส่กัน

แต่งชุดไทยเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาไปเรียนรู้ความเป็นมาของอาณาจักรไทย ความเชื่อ ศาสนา ภายในอุทยานได้

จุดที่ 1 “มหาราชกษัตรา” จะได้พบกับประติมากรรมพระบรมราชานุสรณ์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระเจ้าตากสินมหาราช และพระปิยมหาราช ซึ่งเป็น 3 มหาราชผู้กอบกู้เอกราชไทย

จากจุดที่ 1 เดินไปยังจุดที่ 2 ก็จะพบกับผ้าสีขาวที่เขียนด้วยคำสอน คติสอนใจ ให้ได้อ่านกันเพลินๆ ตลอดข้างทาง

จุดที่ 2 “ณ สัทธานุสรณ์” เป็นอาคาร 2 ชั้น ที่จัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งของบุคคลสำคัญผู้เป็นต้นแบบคนดีของแผ่นดินไทย รวมไปถึงการเล่าเรื่องราวชีวิต เกียรติประวัติ และความดีที่น่ายกย่อง พร้อมจำลองสถานที่ที่บุคคลสำคัญนั้นเคยอยู่จริง

ภายใน “ณ สัทธานุสรณ์” มีเกมส์ตีระนาดให้ได้ลองตีกันเพลินๆ อีกด้วย

จุดไฮไลท์สำคัญของจุดนี้ บอกเลยว่าห้ามพลาด นั่นก็คือ หุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสของคุณ “สีบ นาคะเสถียร” บุคคลสำคัญของพื้นที่อุทยานแห่งชาติห้วยขาแข้ง จุดนี้สามารถสแกน QR Code ภายในแอปพลิเคชั่น ณ สัทธา ก็จะพบกับช้าง ตัวใหญ่ๆ วิ่งอยู่บนแผนที่

มาต่อกันที่ชั้นที่ 2 ได้มีการจัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จย่า ในพระอริยาบถต่างๆ และได้จำลองบ้านที่พระองค์ได้ทรงพักอาศัยอยู่ในวัยเด็ก เพื่อให้ได้รำลึกถึงพระองค์กัน … บอกเลยว่าสุดประทับใจกับการจัดแสดงของโซนนี้เป็นอย่างมาก

และยังได้มีการจัดแสดงนิทรรศการพระราชประวัติ และประติมากรรมพระรูปสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนกในรัชกาลที่ 9

“ณ สัทธา อุทยานไทย” เพื่อการเรียนรู้ ศรัทธาความเชื่อ ความเป็นไทย ส่งเสริมศาสนา ศิลปะวัฒนธรรม เพราะเราอยากให้คุณทิ้งความทุกข์ไว้ที่นี่ แล้วเก็บรับความสุขกลับไป เมื่อคุณได้มาที่นี่กัน

จุดที่ 3 “ณ สัทธาปฏิมา” ชมความงดงามของประติมากรรมพระพุทธรูป 3 สมัย ได้แก่ สมัยสุโขทัย เชียงแสน และอู่ทองอยุธยา บนฐานขนาดเท่าของจริง

รอบการแสดง แสง สี เสียง อนิเมชั่น ภายในห้องมืดวิหารสุโขทัย ที่ได้ใช้เทคนิค Mapping บนผนังโบสถ์ และบนองค์พระพุทธรูป เพื่อบอกเล่าเรื่องราวการเดินทางของพระพุทธรูปสู่ประเทศไทย และความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธรูปในสมัยสุโขทัย ขอบอกเลยว่าเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ และน่าตื่นเต้นกับการได้รับชมการแสดงแบบสุดๆ

มาต่อกันที่จุดที่ 4 “ถ้ำพุทธชาดก” เป็นอีกหนึ่งจุดไฮไลท์ภายในอุทยาน โดยการจำลองถ้ำขึ้นมา พร้อมกับการใช้สื่อ Projector Mapping 270 องศา ผสมผสานกับเทคนิคแสง สี เสียง ถ่ายทอดเรื่องราวขององคุลีมาล มหาโจรผู้กลับใจเข้าหาธรรมะ โดยถ่ายทอดเรื่องราวผ่านการเล่าเรื่องได้แบบน่าสนใจ จนทำให้ไม่รู้สึกเบื่อ แถมยังได้เรียนรู้ประวัติความเป็นมากันได้อีกด้วย

เดินกันเพลิน ชมการแสดงตามจุดต่างๆ กันมาแล้ว 4 จุด ก็มาถึงจุดแวะพักที่ “บ้านน้ำสมุนไพร” มีเครื่องดื่มแบบโบราณให้ได้เลือกชิม เพื่อเพิ่มความสดชื่นและพร้อมไปต่อกันยังจุดต่อไปได้

ออกเดินชมกันต่อที่จุดที่ 5 “อริยสัทธา” ได้มีจัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสพระอริยสงฆ์และพระเกจิชื่อดัง และเป็นที่เลื่อมใสในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศไทย ประดิษฐานอยู่บนกุฏิเรือนไม้ หอสวดมนต์ ให้ความรู้สึกเหมือนได้มากราบไหว้พระอริยสงฆ์กันแบบใกล้ชิด

“สะพาน 12 นักษัตร” เพื่อข้ามฝั่งไปยังจุดต่อไปภายในอุทยาน

จุดที่ 6 “สัทธาถิ่นเรือนไทย” บ้านไทยจำลอง 4 ภาค บอกเล่าถึงสถาปัตยกรรมภายในอดีตของภูมิภาคต่างๆ โดยการถ่ายทอดผ่านทางข้าวของ เครื่องใช้ต่างๆ ภายในเรือน

ภายใต้ของ “เรือนภาคใต้” มีจุดสแกน QR Code ผ่านแอปพลิเคชั่น ให้ได้ลองเชิดหนังตะลุงเล่นกันได้อีกด้วย

เดินไปเรื่อยๆ ก็จะพบกับน้ำตกเล็กๆ ที่ไหลผ่านมาจากด้านบนของ “ถ้ำพุทธชาดก” เป็นจุดที่สามารถมานั่งฟังเสียงน้ำไหลกันแบบเพลินๆ ให้คุณได้รู้สึกถึงความผ่อนคลายแบบสุดๆ

จุดที่ 7 “ลานภิรมย์” ลานกลางแจ้งได้มีจัดแสดงศิลปะและความงดงามของต้นบอนไซมากมายหลากหลายขนาด มองไปทางไหนก็ได้ความรื่นรมย์เหมือนดังชื่อ

จุดที่ 8 “ลานอวโลสัทธา” ลานแสดงพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรปางมหาราชลีลา ซึ่งได้มีการจำลองมาจากราชวงศ์ซ้อง ของประเทศจีน

เพลิดเพลินไปกับ 8 จุดการแสดงสำคัญภายใน “ณ สัทธา อุทยานไทย” กันเรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงจุดขายของที่ระลึกของอุทยาน จะมีจำหน่ายการของท้องถิ่นขึ้นชื่อจังหวัดราชบุรี ตุ๊กตาสัญลักษณ์สุดน่ารัก พร้อมกับขนมและเครื่องดื่มมากมาย

และแล้วเราก็ได้พวงกุญแจน้องปิติ สุดน่ารัก ติดไม้ติดมือ กลับบ้านไปอีกด้วย

นอกจากนี้ภายในพื้นที่ 42 ไร่ แห่งนี้ ได้มีศูนย์อาหารไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว ให้มาชิม ลิ้มลองกันได้อีกด้วย บอกเลยว่ามีเมนูมากมายให้ได้เลือกชิมกัน แถมยังรสชาติดีอีกด้วย

หากใครผ่านแวะเวียนมาเที่ยวจังหวัดราชบุรี บอกเลยว่าอยากให้มาลองแต่งชุดไทย เที่ยวภายใน “ณ สัทธา อุทยานไทย” กับการเที่ยวรูปแบบใหม่ ศึกษาความเป็นมาของอาณาจักรไทย ศิลปะวัฒนธรรม ความเชื่อ และศรัทธาในศาสนา แล้วคุณจะหลงรักกับสิ่งที่พบเจอกันภายในนี้ บอกเลยคร๊าบ

รายละเอียดสำหรับค่าเข้าชม

สำหรับคนไทย

เด็ก (ส่วนสูงต่ำกว่า 90 เซนติเมตร) เข้าชมฟรี
เด็ก (ส่วนสูงระหว่าง 90-130 เซนติเมตร) ราคา 100 บาท
เด็ก นักเรียน นักศึกษา (อายุไม่เกิน 23 ปี โปรดแต่งเครื่องแบบหรือแสดงบัตร) ราคา 100 บาท
พระภิกษุสงฆ์ แม่ชี นักบวช (โปรดแต่งเครื่องแบบหรือแสดงบัตร) ราคา 100 บาท
ผู้ใหญ่ ราคา 200 บาท
ผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป และผู้พิการ (โปรดแสดงบัตร) เข้าชมฟรี

สำหรับต่างชาติ