ลมหนาวพัดมา ไปพิสูจน์ร่างกายตัวเองขึ้นไปพิชิตยอด “อุทยานแห่งชาติภูกระดึง” จังหวัดเลย สัมผัสธรรรมชาติ ผ่อนคลายลมหนาว ท่ามกลางบรรยากาศสุดฟิน 3 วัน 2 คืน บนยอดภู
“อุทยานแห่งชาติภูกระดึง” แหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของจังหวัดเลย … เมื่ออยากจะสัมผัสลมหนาว สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ลองเก็บกระเป๋า เช็คความฟิต แล้วขึ้นไปพิชิตยอดภู ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางบรรยากาศฟิน ฟิน สักคืน สองคืน กันดีกว่า … พร้อมแล้ว เก็บกระเป๋า ออกเดินทางกันได้เลยยยย
ขึ้นรถทัวร์จากหมอชิต “กรุงเทพ-ภูกระดึง” ตอนกลางคืน ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง ก็มาถึงที่จังหวัดเลย ลงที่ “ผานกเขา” แล้วต่อรถสองแถวไปยังที่ “อุทยานแห่งชาติภูกระดึง”
ใช้เวลาเดินทางจากผานกเค้า มายังที่อุทยาน ประมาณ 30 นาที ก็จัดแจ้งเสบียงข้าวของที่จำเป็น แล้วหาลูกหาบเพื่อช่วยขนของขึ้นไปด้านบน ติดต่อเต็นท์ จ่ายค่าเข้าอุทยาน ศึกษาข้อควรปฏิบัติและข้อห้ามให้เรียบร้อย … ด่านอุทยานเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นภูได้ตั้งแต่เวลา 07.00 น. – 14.00 น. คำนวณเวลาดี ๆ ก่อนการเดินทางนะคร๊าบ
หลังจากจัดแจงแบ่งสัมภาระ ก็ได้เวลาขึ้นเขาไปพิสูจน์ร่างกายตัวเอง ด้วยระยะการเดินขึ้นเขา 5.5 กิโลเมตร กับจุดแวะ 11 จุดระหว่างการเดินทาง ตั้งแต่ซำแรก จนถึงลานกางเต็นท์ ใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง ในการเดินขึ้น
จากทางขึ้น ผ่านไปกิโลแรก ก็มาถึง “ซำแฮก”
ต่อมาก็ “ซำบอน”
ถัดมาก็ “ซำกกกอก”
และแล้วก็มาถึง ครึ่งทางแล้ว “ซำกกหว้า”
แล้วไปต่อกันที่ “ซำกกโดน”
ถึง “ซำแคร่” แปลว่าใกล้ถึง … อีกแค่กิโลกว่า ๆ ก็จะถึง “หลังแป” กันแล้ววววววว
และแล้วเส้นทางเดินเข้า ก็กลายเป็นเส้นทางเรียบ เดินสบาย ชิลธรรมชาติ เมื่อมาถึงที่ “หลังแป” … ใครกลัวว่าจะหิวระหว่างทาง หรือจะเข้าห้องน้ำ ก็จะมีที่ “ซำแฮก ซำกกกอด พร่านพรานแป และซำกกโดน” จุดที่จะมีร้านค้าและห้องน้ำไว้คอยบริการ หมดความกังวลเรื่องนี้กันได้เลยคร๊าบ
จาก “หลังแป” เดินมากันต่ออีกประมาณ 3 กิโลกว่า ๆ ก็มาถึงกันที่ “ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว “ เดินเอาใบเสร็จที่ได้ทำงานติดต่อเรื่องการเข้าพักจากทางด้านล่าง ยื่นให้กับเจ้าหน้าที่ แล้วไปหาเต็นท์นอนได้ตามอัธยาศัยกันได้เลย
เก็บข้าวของ ของใช้เข้าเต็นท์ที่ “ลานวังกวาง” เดินออกไปที่จุดชมวิวพระอาทิตย์ตก ห่างจากลานกางเต็นท์ ประมาณ 2 กิโลนิด ๆ ก็มาถึงที่ “ผาหมากดูด” … จากนั้นก็เดินทางกลับมานอนพัก หลังจากเดินมากันทั้งวัน
เช้าวันที่ 2 ของการอยู่บนภู ตื่นตี 4 ครึ่ง ล้างหน้า แปรงฟัน รอเจ้าหน้าที่มาพาไปรอชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ “ผานกแอ่น” ห่างจากลานกางเต็นท์ แค่กิโลนิด ๆ เอง … หลังจากชมพระอาทิตย์ขึ้นเสร็จ ก็เดินกลับมาที่ลานกางเต็นท์ หลับสักงีบนึง จะได้มีแรงเที่ยว คร่อก …
หลังจากนอนหลับไปงีบนึง ตื่นมาอาบน้ำ เปลี่ยนชุด พร้อมออกเที่ยวด้านบนภู ด้วยการเช่าจักรยานปั่น เพื่อความสะดวกสบาย และไม่ต้องปวดขามาก เดี๋ยวจะเที่ยวกันไม่ครบ … ราคาจักรยานก็จะเป็นราคาเหมา เรื่มต้นที่วันละ 350 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดและรูปแบบของจักรยานที่เราเช่า
เริ่มต้นเที่ยวจุดแรกที่ “ลานวัดพระแก้ว” ไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัยกันก่อน
แล้วไปต่อที่ “ลานพระศรีนครินทร์” กราบไหว้องค์พระพุทธรูป “พระพุทธเมตตา” … หลังจากกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์กันเรียบร้อย ก็ปั่นเที่ยวกันอย่างสบายใจละ
ปั่นไปชมธรรมชาติและสายน้ำ กับ 3 น้ำตกสวยของอุทยาน เริ่มต้นที่แรกที่ “น้ำตกโผนพบ”
ต่อมาที่ “น้ำตกเพ็ญพบ”
แล้วปิดท้ายที่ “น้ำตกถ้ำใหญ่” ไปตามหาใบเมเปิ้ลสีแดง
แวะกินข้าวเที่ยง แล้วออกปั่นเที่ยวกันต่อที่ “สระน้ำอโนดาต” สระน้ำขังคลายบึง มีสายน้ำไหลผ่านตากโขดหิน ชมธรรมชาติกระทบกับน้ำในบึง สวยงามสุด ๆ
ชมธรรมชาติ ชมสายน้ำ มาชมวิวตามผาต่าง ๆ กัน เริ่มต้นที่ “ผาจำศีล”
ปั่นมาเรื่อย ๆ ตามทางมาที่ “ผานาน้อย”
แล้วก็มาที่ “ผาเหยียบเมฆ”
ปั่นมากันต่อที่ “ผาแดง”
แวะนั่งพัก รอเวลาชมพระอาทิตย์ตกที่ “ผาหล่มสัก” จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดของอุทยาน … ถ้ามาถึงด้านบนแล้ว ไม่ได้มาดู เหมือนมาไม่ถึง พอใกล้ช่วงพระอาทิตย์ตก นักท่องเที่ยวก็จะมารวมตัว หามุมถ่ายรูปเล่นกับวิวสวย ๆ ระหว่างรอชม … หลังจากชมพระอาทิตย์ตกเสร็จ จากการปั่น กลายเป็นการจูงจักรยานกลับลานวังกวาง เพราะเส้นทางมืด ปั่นไม่ดี อาจจะตกผากันได้
ตื่นเช้าวันที่ 3 ไปสัมผัสบรรยากาศฟิน ๆ ของทะเลหมอก และแสงอาทิตย์ในช่วงสาย ๆ เก็บข้าวของเครื่องใช้ สัมภาระต่าง ๆ นำไปคืนที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว แล้วทำเรื่องติดต่อลูกหาบขนของลงไปด้านล่าง
ก่อนเดินทางลงไปด้านล่าง เก็บเกี่ยวบรรยากาศให้เต็มที่ สูดอากาศบริสุทธิ์ให้ชุ่มฉ่ำปอด แล้วไปเช็คอิน เก็บภาพเป็นที่ระลึกกับป้ายไว้เป็นความทรงจำที่ดีว่า “ครั้งหนึ่งในชีวิต เราคือภูพิชิตภูกระดึง”
จบทริป “ภูกระดึง 3 วัน 2 คืน” สัมผัสธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ สูดอากาศที่สุดแสนบริสุทธิ์ ลมหนาว สายหมอกที่พัดผ่าน จุดชมวิว ภาพความประทับใจที่จะตราตรึงไว้อยู่ในความทรงจำ และมิตรภาพตลอดการเดินทาง ทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะของคนรอบข้าง