ค่ำตอนเย็นวันหนึ่ง หลังเลิกงานแต่ไม่ยอมกลับบ้าน สาวออฟฟิศท่านหนึ่ง อยู่ดีๆ ก็พูดมาว่า
Ninew : พี่อยากไปเวียดนามหว่ะ ต้องไปลงไหน
Ploy : แล้วพี่จะไปไหนอ่ะ ก็เข้า Google ดิ
Ninew : ไม่รอช้า กดเข้า Google
แต่ทว่า ไม่รู้ว่าพี่เค้ากดอีท่าไหน น้องคะ พี่อยากไปอันนี้ ก็เลยตอบว่าที่ไหนอะพี่ นางก็เปิดรูปให้ดู
อ๋อ นี่วัดภูทอกไง เราอยากไปมากเลยนะ เป็น Checklist ในชีวิตเลยทีเดียว อยากไปมาก อยากไปมานานแล้ว แต่ไม่มีเพื่อนไปไม่รู้จะเดินทางอะไรยังไง คือ มัน Amazing มากเลยนะ ที่เขาขึ้นไปสร้างวัดบนนั้น ใช้แรงคนหมดเลย ทันใดนั้น ก็เลยหาข้อมูลว่าต้องนั่งเครื่องไปลงไหน หาข้อมูลในเน็ต ก็จองเลย กรุงเทพ – อุดร
Gift : แล้วเราจะไปยังไงต่ออ่ะพี่ แบบลงอุดรแล้วไงต่อ
Ninew : เดี๋ยวค่อยคิด
วันที่ 14 เจอหน้าพร้อมกัน มีสมาชิก เพิ่มมาอีกคน ใจง่าย ชวนปุ๊บมาปั๊บ แถมทริปนี้ ด้วยบุญกุศลที่ทำมาดี มีคนพานำเที่ยวด้วย ทำให้เราไม่ลำบากในการเดินทาง ด้วยขนส่งสาธารณะเลยแม้แต่นิดเดียว ว่าแต่ถึงอุดรธานีแล้ว ก็ต้องแวะดูเป็ดซักหน่อย เสร็จแล้วเราก็มุ่งเดินทางถึงจังหวัดบึงกาฬเลยดีกว่า เดี๋ยวจะเย็นซะก่อน
เส้นทางที่เราใช้เดินทาง จริง ๆ มันมีหลายทางแต่หลงไปหลงมา เลยไปทางหนองคาย ใช้เวลาเดินทางอยู่ 3 ชั่วโมงกว่าจะถึงอำเภอศรีวิไล คืนนี้เรานอนกันที่ The little Garden resort ค่ะ ซึ่งเหตุผลที่เลือกโรงแรมนี้เพราะว่าอยู่ใกล้วัดภูทอก ตื่นเช้ามาจะได้ขึ้นได้เลย
เช้ามาพวกเราก็ไม่รอช้า อาหารเช้าทาน ที่บึงกาฬ อำเภอศรีวิไล เป็นเมืองเงียบสงบ ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเท่าไหร่ จาก The Little Garden Resort ไปถึง วัดเจติยาศรีวิหาร (วัดภูทอก) จะใช้เวลาประมาณ 30 นาทีค่ะ 
เมื่อถึง วัดเจติยาศรีวิหาร (วัดภูทอก) ก็สัมผัสได้กับความเงียบสงบ เพื่อนๆคนไหนที่อยากมาเที่ยวที่นี่ ต้องแต่งกายเรียบร้อยนะคะ ห้ามใส่ กางเกงขาสั้น กระโปรง เสื้อแขนกุด สายเดี่ยว และต้องประพฤติตนอย่างสำรวม ไม่เอะอะเสียงดัง ห้ามนำอาหารขึ้นไปรับประทานนะคะ เนื่องจากสถานที่แห่งนี้ เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมค่ะ ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว
วัดเจติยาศรีวิหาร (วัดภูทอก) จะมีทางเดินทั้งหมด 7 ชั้น ซึ่งจากที่อ่านข้อมูลใน internet จะบอกว่า ชั้น 1 – 5 จะเป็นชั้นที่เดินได้สบายๆ จะมีทางแยกอยู่ ซ้ายและขวา สามารถเดินได้ทั้ง 2 ทาง แต่กิฟขอแนะนำว่า ขาขึ้น ให้ไปทางขวานะคะ เพราะทางขวา จะสูงกว่า เสียวกว่า และที่ดีสุดยอดคือ วิวสวยกว่าค่ะ ขาลง ค่อยลงทางซ้ายค่ะ เพราะระยะทางจะใกล้กว่าค่ะ ไม่ชัน ลงสบายกว่าทางขวาเยอะ ส่วนชั้น 6 อันนี้ แล้วแต่เลยค่ะ มีคนบอกว่าทางจะเสียวกว่า แต่วิวก็สวย แต่กิฟไม่ได้เดินไปค่ะ พอดีงานเข้า เลยต้องนั่งทำงานที่กุฎิ ส่วนชั้น 7 ตามข้อมูล internet ไม่แนะนำให้ขึ้นไปค่ะ เพราะค่อนข้างอันตราย
ตอนเดินขึ้นก็หอบดีค่ะ เดินไปหอบไป เดินบ้างพักบ้าง แต่ไม่ได้เหนื่อยจนเดินไม่ไหวนะคะ เดินได้เรื่อยๆ ส่วนใครที่กลัวความสูงอาจจะสั่นๆหน่อย แต่ไม่ต้องกลัวไปนะคะ ทางเดินเขาทำแข็งแรงอยู่ ถ้าจะให้มั่นใจ พยายาม เดินก้าวเท้าตรงคานค้ำค่ะ 
เห็นทางเสียวแบบนี้ แต่วิวสวยนะคะ ไม่รู้สึกเสียดายที่มาเลย เพราะที่นี่กว่าจะสร้างมาได้ ใช้แรงคนทั้งหมดค่ะ
ถ้ามาถึงตรงนี้ ก็อีกอึดใจเดียวใกล้ถึงแล้ว ตรงนี้จะปราบเซียนนิดนึงค่ะ เนื่องจากบันไดจะยาว สูง และชันมาก ค่อยๆเดินได้นะคะ ไม่ต้องรีบ จริงๆกิฟว่าตอนขึ้นไม่น่ากลัวนะคะ ตอนลงน่ากลัวกว่า แต่ไม่เป็นไรค่ะ เราจะลงทางซ้าย ซึ่งไม่น่ากลัวเลย
พอขึ้นบันไดมาแล้ว ก็ลองมองย้อนลงไปหน่อย … 
ในที่สุดเราก็มาถึงชั้น 5 ……ซักที ก็ขอกราบไหว้พระขอพรในถ้ำวิหารกันหน่อยค่ะ
ภายในถ้ำวิหาร สวยมากค่ะ อากาศดี รับรู้ได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์นะสถานที่แห่งนี้ ก็รู้สึกไม่เสียดายจริงๆค่ะที่ได้มาเยือน
สำหรับทริปนี้ก็รู้สึกสนุกมากเลยค่ะ ใครสนใจอยากเที่ยวก็มากันนะคะ
