เที่ยวชมมนต์สเน่ห์ของวิถีชาวประมง และเรียนรู้วัฒนธรรมของชาวมุสลิมที่ “เกาะปันหยี” แบบใกล้ชิดกับทริป 2 วัน 1 คืน มุมน่ารัก ๆ ที่น่าไปสัมผัสของจังหวัดพังงา
เอาใจสายเที่ยวเกาะกันสักหน่อย เราพาไปเที่ยวที่ “เกาะปันหยี” พาไปเยือนถิ่นชาวใต้ สัมผัสวิถีชีวิตชาวประมง ติดเกาะบนชุมชนเก่าน่ารัก ๆ กลางน้ำ ล่องเรือกินลมงมปู พายเรือเที่ยวชมป่าชายเลน ชมสนามฟุตบอลลอยน้ำที่ดังไปไกลทั่วโลก พักผ่อนกันชิค ๆ แบบโฮมสเตย์ สไตล์ 2 วัน 1 คืน
การเดินทาง จากกรุงเทพฯ ไปตามทางหลวงหมายเลข 4 ผ่านจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง จากนั้นเข้าสู่ตัวเมืองจังหวัดพังงา ระยะทางประมาณ 762 กิโลเมตร และเดินทางต่อไป ท่าเรือด่านศุลกากรพังงาเพื่อลงเรือไปเกาะปันหยี
ไม่นานเราก็มาถึง “เกาะปันหยี” สถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดพังงา ตั้งอยู่กลางทะเลอ่าวพังงา เป็นชุมชนชาวประมง ได้รับรอยยิ้มอยู่ตลอด บ้านเรือนถูกสร้างขึ้นเป็นบ้านลอยน้ำ ตั้งเรียงรายอยู่ด้านหน้าของหน้าผาหินปูน มีธรรมชาติล้อมรอบชุมชน ทั้งทะเล ภูเขา ป่าชายเลนสวยงามมาก
แวะไปถ่ายรูปกันที่จุดแรก เป็นจุดที่ชาวบ้านแนะนำให้ไป คือ “รูปปั้นหอยยักษ์” ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับท่าเรือ ถ่ายรูปคู่กับหอยยักษ์ อวดเพื่อน
ไปเที่ยวอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวที่โดดเด่นประจำเกาะ “มัสยิดเกาะปันหยี” เป็นมัสยิดขนาดใหญ่ อยู่ด้านหน้าผาหิน มีโดมสีทองอร่ามสวยงาม หนึ่งในเอกลักษณ์ของเกาะปันหยี ที่ตั้งโดดเด่นดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี
เดินเล่นกันจนอิ่มใจ แต่เรายังไม่อิ่มท้อง เราขอแวะกินข้าวกันที่ “ร้านปันหยีมูเทียร่า” เป็นร้านอาหารขนาดใหญ่บนเกาะ อาหารไม่ได้เน้นรสจัดแบบชาวใต้ แต่ก็ยังมีความเป็นชาวใต้อยู่ เพื่อไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวที่ท้องหิวเหมือนเรา เมนูเด็ดของร้านนี้ คือ ปูผัดผงกะหรี่ ปูมีความสดมาก รสชาติดีสุดๆ รับรองว่าอร่อยจนต้องสั่งมากินอีกเลย
หลังจากกินจนอิ่ม เราก็มาเดินย่อยอาหาร มาเดินชมวิวสวย ๆ ที่ “สะพานไม้ร้าน” เป็นสะพานไม้เก่าของชุมชน เหลืออยู่เพียงแห่งเดียวของเกาะ เป็นจุดชมวิวที่นักท่องเที่ยว ต้องมาเดินเล่น ชมวิวอ่าวพังงา ถ่ายรูปสวย ๆ
แล้วเราก็มาชมสิ่งที่ทำให้คนทั่วโลกรู้จักเกาะปันหยีกับ “สนามฟุตบอลลอยน้ำ” เป็นสนามฟุตบอลที่สวยที่สุด ติด 1 ใน 3 ของโลก เป็นสนามลอยน้ำ ที่นิ่งมาก ไม่สั่นไหวกับลมกับคลื่นเลย ไปเล่นฟุตบอลกันสักหน่อย หากบอลตกน้ำ ก็มีเด็ก ๆ คอยกระโดดน้ำตู้ม ๆ เก็บบอลให้ สนุกสุด ๆ เลย
ไม่นานก็ตกเย็น เราใช้เวลากับการชมวิว เล่นฟุตบอลกันนานมาก เราเลยรอชมอาทิตย์ตกบริเวณ “อ่าวพังงา” รอบ ๆ จะเห็นผืนน้ำที่เป็นเหมือนกระจก สะท้อนแสงสีส้มของอาทิตย์ตกได้อย่างดงาม ภูเขาสีเขียวสูงเสียดฟ้า ริมอ่าวเห็นป่าชายเลนแหล่งกำเนิดชีวิต มองขึ้นไปเจอท้องฟ้าเปิดสีฟ้าสวย ลมก็พัดเย็นสบายตลอดปี
วันที่สองในทริปเที่ยวของเรา หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ เราไปล่องเรือชม “อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา” เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีความงดงามของวิวชายฝั่ง วิวสวย ๆ ของผืนน้ำในอ่าวพังงา ชมความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลย ซึ่งอุทยานนี้เป็นแหล่งขยายพันธุ์ของสัตว์น้ำน้อยใหญ่มากมาย ปะทะลมเย็น ๆ จนลืมอากาศร้อนไปเลย
ได้ปะทะลมทะเล แล้วล่องเรือเที่ยวกันต่อไปชม “ป่าชายเลน” ที่แสนจะอุดมสมบูรณ์ของอุทยานแห่งชาติพังงา เป็นป่าชายเลนขนาดใหญ่ของจังหวัดพังงา เป็นแหล่งให้กำเนิดสัตว์น้ำมากมาย เราได้เห็นปลาตีน ต้นโกงกางที่ใหญ่มาก ล่องเรือกันชิล ๆ
เราล่องเรือเที่ยวมายัง “ถ้ำทะลุ” ลักษณะคล้ายเกาะตั้งอยู่ในทะเล มีช่องระหว่างกลางเขา จึงได้ชื่อว่าถ้ำทะลุ เป็นอีกจุดท่องเที่ยวยอดฮิต เรามาพายเรือซีแคนูลอดถ้ำ พายเล่นกันไปเพลิน ๆ ก็สนุกไปอีกแบบนะ
ขอปิดท้ายทริปด้วยการพาล่องเรือมาชม “ภูเขาเขียน” อีกจุดท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวจะพลาดไม่ได้ เป็นภูเขาที่มีภาพและร่องรอยการวาดเขียนบนผนังในภูเขาของมนุษย์ในยุคโบราณ อายุกว่า 3,000 ปี เห็นทั้งรูปคนและสัตว์หลากหลายชนิด ชมกันเพลินสุด ๆ ก่อนกลับเกาะปันหยี
เก็บของเสร็จ นั่งเรือกลับ กล่าวคำอำลา “เกาะปันหยี” ที่รัก เป็นการส่งท้ายทริปพักผ่อนสไตล์ 2 วัน 1 คืน การได้มาท่องเที่ยว พักร่างกายในชุมชนลอยน้ำของเกาะปันหยี ได้มาสัมผัสวิถีชีวิตชาวใต้ ชมความงดงามของอ่าวพังงา เล่นฟุตบอลบนสนามลอยน้ำ กินอาหารอร่อย ๆ ผสมกับรอยยิ้มที่ได้รับตลอดทริป อาจทำให้เกาะปันหยีเป็นที่รักของทุกคนเหมือนกับเราก็ได้ ลองมาสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้งแล้วคุณจะติดใจ