วันนี้มีนัดไปดินเนอร์(ทำเสียงสูงตามนะค่ะ) กับเพื่อนสาว แอบมโนเอาเองว่านางพาเราไปเลี้ยงวันเกิดที่ Siam@Siam Design Hotels & Resorts กับมื้อพิเศษที่มีชื่อว่า Food Frequency กินไปฟังเพลงไป
เปิดประสบการณ์ใหม่แห่งการกินกันเลยดีกว่าค่ะ
ซึ่งเราต้องเดินทางไปที่ สยาม แอ็ท สยาม ดีไซน์ โฮเต็ล ไปง่ายๆ นั่งรถไฟฟ้าไปลงสนามกีฬาแล้วเดินต่อไปอีกนิดนึง ก็ถึงแล้วฮะ จะเจอป้ายนี้เลย ทางเข้าอยู่ด้านข้าง
พอเจอป้ายแล้วก็เลี้ยวเข้าซอยไปจะเจอทางเข้าแบบนี้ กดลิฟ์ขึ้นไปชั้น 25 กันเลยฮะ เรามานั่งทานกันที่พื้นที่ของห้องอาหาร La Vue
ในห้องอาหารนี้ค่อนข้างมืดเพราะเค้าเอาบรรยากาศแบบโรแมนติก แต่ดิฉันมากะเพื่อนค่ะ เอาโรแมนติกก็โรแมนติก
มีตั้งไวน์ไว้ด้วย French Bordeaux Wine โปรโมชั่น แต่งานนี้ไม่ต้องสั่งไวน์เพิ่ม เพราะไวน์ไม่อั้น รวมอยู่ในอาหารมื้อนี้ด้วยฮะ
ต้องขออภัยมาด้วยว่า รูปจะมืด พอสมควรเลยเพราะแสงน้อยมาก และไม่ได้ติดไฟ LED ที่ไว้ถ่ายรูปไปเพราะเกรงใจโต๊ะอื่นๆ (ไฟ LED มันอลังการอยู่)
ขอเล่าประวัติ Food Frequency เบาๆ ให้ทุกคนได้เข้าใจกันก่อน
โปรแกรม Foodfrequency เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ณ ประเทศอิตาลี ในปี 2012 คิดค้นโดยทีมนักสร้างสรรค์ชื่อดัง นำโดย มร.มาร์โค คาลาร์ดิ ซาวด์ดีไซเนอร์ชื่อดังชาวอิตาเลี่ยน
โดยมีจุดเริ่มต้นจากแนวคิดที่ว่าการรับรู้ของมนุษย์หากต้องการให้เกิดการดื่มด่ำ หยั่งลึกไปกระบวนการจดจำและรับรู้ เหตุการณ์หรือประสบการณ์นั้นควรจะตอบสนองกับทุกประสาทสัมผัสทั้ง ตา จมูก ปาก หู ซึ่งจะตอบสนองสู่ระดับของการรับรู้ที่ลึกซึ้ง เริ่มตั้งแต่ การมองเห็น การได้กลิ่น การชิม และการได้ยิน
จึงเกิดแนวคิดที่จะนำเอากระบวนการนี้มาใช้ในการลิ้มรสชาติของอาหารโดยการเน้นไปที่การนำเอาเสียงและการปรุงอาหารมาผสานกัน โดยเชื่อว่า เรื่องราวและความถี่ของเสียง (Frequency) จะช่วยทำให้เกิดอรรถรสที่พิเศษสุดอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ซึ่งจะถือเป็นการยกระดับประสบการณ์การลิ้มรสอาหารให้พัฒนาไปอีกขั้น
เอาแค่นี้พอเนอะ ฮ่าๆ ซึ่ง งานนี้คุณ Marco Galardi ซาวด์ดีไซเนอร์ชื่อดังชาวอิตาเลี่ยนซึ่งดังแค่ไหนดิฉันก็ไม่รู้น่ะ เพราะหาประวัตินางไม่เจอ หรืออาจจะต้องหาเป็นภาษาอิตาเลี่ยน เอาค่ะ ดังก็ดัง อีตา Marco นี่นางต้องไปเก็บเสียงตามสถานที่ต่างๆ มา ประกอบกันเป็นเพลงแล้วนำมาเปิดประกอบกับอาหาร ที่เราทานกันวันนี้แหละ
พูดง่ายๆ คือ เชฟ จิลส์ พอยทวิน ชาวฝรั่งเศส เป็นคนผู้สร้างสรรค์อาหารจานพิเศษทั้งหมดหลังจากนั้น มร.มาร์โค คาลาร์ดิ จึงเริ่มค้นหาซาวนด์ที่เหมาะกับอาหารแต่ละจานนั้นเอง ไม่ได้มั่วเอามาเปิดน๊า
ซึ่งส่วนของอาหารนั้น อาหารจะรังสรรโดย Chef Gilles Poitevin Executive Chef ประจำโรงแรม Siam at Siam นั่นเอง นี่ดิฉันไปขุดประวัติของ Chef Gailles มา ค่ะ นางเคยทำอาหารให้ดารา hollywood star [ Elisabeth taylor, Cher , whitney houston…]
ทำอาหารให้ราชวงค์ต่างๆ [ King Assan 2 of Morocco, empress Phalavi queen of iran, queen Sirikit and royal family of Thailand,prince Bhisadej Rajanee ] อลังการมั้ยค่ะ
มื้อนี้ก็ 3,555 บาท เท่านั้นเอง อาหารมีทั้งหมด 4 จานด้วยกัน มีอะไรบ้าง ตามมาเลยค่ะ
บนโต๊ะมีอุปกรณ์วางอยู่พร้อม รายการอาหาร และรายละเอียดว่า อาหารเป็นอะไร จะได้ฟังเสียงประมาณไหนบ้าง และแก้วไวน์ ที่วางไว้แบบเต็มพื้นที่มากๆ
เริ่มด้วย Sparkling wine ก่อน แก้วแรก
และตามมาด้วยขนมปัง ดำ ๆ ชื่อไรหว่า เอาเป็นว่าขนมปังดำ ซักอย่าง ฮ่าๆ ขนมปังที่นี่จะเป็นแนวฝรั่งเศษ ฮะ เอามืดผ่าแล้วเอาเนยปาดลงไปเข้าปากโล๊ด ขนมปังที่นี่อร่อยกว่าที่อื่นๆ พอควร แต่กินเยอะไม่ได้เดี่ยวตัดกำลัง
แล้วขนมปังอีกอันก็มา อันนี้มาแบบอลังการมาก อันนี้เค้าบอกว่ามันคือ Beer Bread อะ เป็นขนมปังใช้เบียร์ทำเหรอ ฮ่า ลองดู ฟูหอมมากๆ
เอาออกมางี้เลยไม่ต้องทาเนย กินได้เลยฮะ เพราะมีความมัน หอม ฟู นุ่มอยู่แล้ว อันนี้ชอบมาก กินคนเดียวไป 3 ชิ้น!!!! แย่งเพื่อนแดรกหมดว่างั้นเถอะ
เอาละหยิบหูฟัง YAMAHA 3D ที่วางอยู่ตรงหน้า ใส่หูเลยจ๊ะ
เริ่มกันที่อาหารคอร์สแรกที่นำมาเสิร์ฟนั้นก็คือ ฟรัวกรา ฟิกเชอร์รี่ ราดด้วยซอสวนิลลาน้ำผึ้ง ชื่อภาษาอังกฤษ ตามนี้ Louis XVI of pan-sear Duck foie gras Vanilla & honey Bénedictine sense with fig & cherry compote, toasted brioche
ประมาณว่าเป็นเมนูที่เสริฟพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 จานนี้รสชาติรวมๆแล้วลงตัว แต่ให้มาน้อยอะ จริงๆ สองคำหมดแล้ว แต่ เราต้องฟังเพลงไปด้วยเสียงประกอบจานนี้จะประมาณ ฝูงผึ้งกำลังบินไปหาน้ำผึ้งมาเป็นส่วนประกอบของอาหารจานนี้ยังไงอย่างงั้น จานนี้ชอบฮะ
soundscapes; Beautiful sunshine afternoon where the bee come be funny, call back the sweetness of the honey.
ไวน์เป็นไวน์ขาว Yellow Tail, Moscato, จาก Australia
มาต่อกันที่คอร์สอง The Watercourse ที่เป็น ซุป เครยฟิชและเห็ดทรัฟเฟิล Crayfish asparagus black truffle Sarah Bernhardt potage เมนูซุปตัวนี้เป็นเมนูที่เคยเสิร์ฟให้กับอดีตนักแสดงชาวฝรั่งเศสชื่อดังแห่งยุค 90 อย่าง Sarah Bernhardt
ซึ่งจานนี้รสชาติละมุนลิ้นและแข็มข้นมันกุ้ง Crayfish มากจานนี้เป็นอีกจานที่อร่อยฮะ เสียงที่เค้าเปิดให้ฟังก็เป็นเสียงประมาณน้ำไหลอยากจะอัดมาให้ฟังกันแต่อัดยากฮ่าๆ เอาเป็นว่า ใช้พลังมโน ตามกันนิดน่ะจ๊ะ
soundscapes; sound of the flow of the brook into the valley has the pure water where hides the Crayfish
อันนี้รูปชัดมะ เอาไฟ flash iphone ส่อง แล้วถ่าย คือพยายามมาก ฮ่าๆ ไม่งั้น Crayfish มันจะมืดมัวไปหมดเลย DSC05752
จานนี้มากับไวน์ แก้วที่สองจากซ้ายน่ะฮะ เป็นไวน์ Moute, Premium White Selection, USA ลืมบอกไปอีกอย่าง ไวน์ที่นี่ เติมได้ตลอด และแก้วนี้ เป็นไวน์หวาน ที่จิบแล้ว อร่อยมากมายเลยละ
ตามติดด้วยคอร์สที่สาม ไก่กีนัว อบ Roasted of Suprême Guinea fowl walnuts thyme crust, light garlic lavender honey juice colors of Provence เมนูเด็ดจากพระราชวังแวร์ซาย กับเนื้อไก่นำเข้าสูตรพิเศษ ที่เสิร์ฟพร้อมผัก, ผลไม้ และ เพิ่มความหอมด้วยกลิ่นของสมุนไพร พร้อมด้วยราดซอสไทม์เพื่อเพิ่มรสชาติให้โดดเด่นยิ่งขึ้น
จานนี้ เนื้อไก่ แน่นมาก แต่หนังไก่ มันเหนียวสุด ๆ กว่าฉันจะตัดขาดกลัวว่า จานจะแตกซะก่อน และเคี้ยวยากมาก (หรือเราแก่เนี๊ย)
รสชาติจานนี้เราให้ผ่าน แต่ติดตรงเนื้อไก่ที่มันเคี้ยวยากสุด ๆ ไปเลยอะ
เสียงประกอบจานนี้เป็นเสียงแมลงและทุ่งส้มและลาเวนเดอร์ ไรงี้ เหมือนอยู่กลางทุ่งเลย
soundscapes; Sound of the cicada, the colors of Provence a palette of orange and the blue lavender
wine ที่เสริ์ฟคู่กันเป็นไวน์แดง Moute Premium Red Selection, USA อันนี้เรามะค่อยชอบ ชอบไวน์ขาวมากกว่า
จบด้วยคอร์สสุดท้ายแล้วเป็นขนมหวานใน theme The Precipitation เป็น Dark Cocolate Moose มากับลูกแพรต้ม ราดด้วยซอสวนิลลา
ชื่อภาษาอังกฤษ คืออันเน๋ Combination of poached pear salted échiré butter caramel sauce, vanilla cream sense, smoothness of dark chocolate mousse, Eau de vie Poire Williams
เสียงประกอบขนมจานนี้จะเป็นเสียงเหมือนเราอยู๋ในทุ่งหญ้าป่าเขา มีเสียงฝนตกมาเป็นพักๆ ด้วย ก็ให้ความรู้สึก อยากกินขนมจานนี้เพราะกินไปแล้วจะรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่บ้านในฤดูหนาว ยังไงอย่างงั้น (แต่ตอนนี้กรุงเทพ ร้อนตับแตกฮ่าๆๆ)
soundscapes; The sky covers itself, let us go back home, this fresh precipitation, I feel need the sense of the pear awinter fruit, the softness of the vanilla to warm itself with the flavor of the chocolate with a nice eau de vie williams.
ขนมจานนี้ทำออกมาได้พอดีมาก ไม่หวานไปและได้รสชาติของส่วนประกอบทั้งหมด ทั้ง dark chocolate และ ลูกแพรต้ม พอทานรวม ๆ กันแล้วลงตัวสุด ๆ
เครื่องดื่มประกอบขนมหวานจานนี้คือ Eau De Krungthep เป็น แชมเปญ ผสมน้ำลูกแพร ฮะ อันนี้ก็แอบแรงเชียว ตอนนี้ อาหารหมดแล้ว คนก็เลื้อยมาก ฮ่าๆๆ
ก็เป็นอีก 1 ประสบการณ์ดีๆ แปลก ๆ ที่ได้ไปลอง สำหรับการฟังเสียงที่ทำมาเฉพาะนั้นทานอาหารอร่อยขึ้นมั้ย ผมไม่แน่ใจ
ส่วนตัวรู้สึกว่ามันได้อารมณ์ว่าเราเข้าใกล้อาหารจานนั้นๆ มากขึ้น เสียงต่างๆ ที่นำมาประกอบนั้นทำให้เรานึกไปถึงที่มาที่ไปของอาหารแต่ละจานว่า ทำไมถึงเป็นอาหารจานนี้ และหูฟังที่เค้าเอามาใช้ก็เป็นหูฟังคุณภาพดีมาก ได้ยินเสียงครบทุกอนูจริงๆ
มื้อนี้จบไปด้วยหัวละ เท่าไหร่ ดูใบเสร็จเอาน่ะจ๊ะคนชอบไวน์ บุฟเฟ่ห์ คุ้ม แต่เมาไม่ขับ น่ะจ๊ะ
สำหรับคนที่อยากทาน FOOD FREQUENCY ติดตามได้ที่ page ของทางโรงแรมฮะ เพราะไม่ได้มีตลอด
Facebook fanpage ของ Siam@Siam Design Hotel Bangkok : https://www.facebook.com/siamatsiambangkok
สรุปว่่า La Vue – Siam @ Siam เป็นโรงแรมที่สุดยอดมากอ่ะ ประทับใจแทบทุกอย่างเลย ตั้งแต่การตกแต่งที่มีเอกลักษณ์ อาหารก็อร่อย พนักการบริการดีมากค่ะยิ้มแย้มแจ่มใสและใส่ใจทุกรายละเอียดทุกคนค่อยเดินมาสอบถามตลอดเวลา รู้สึกตัวเองเป็นเจ้าหญิงสุดๆ
ปิดท้ายด้วยการกราบงามๆ ทีอกเพื่อนสาวที่หยิบยื่นประสบการณ์อันสุดแสนประทับใจและแสนแพงมาให้!!
……………………….