สักครั้งในชีวิตออกไปหาวาฬในป่าใหญ่ พร้อมยืนชมท้องฟ้า สัมผัสอากาศดี ๆ บนภูสิงห์ “หินสามวาฬ” แหล่งท่องเที่ยวสุด Unseen Thailand ประจำจังหวัดบึงกาฬ ที่บอกเลยว่าความสวยงามนั้นระดับ 5 ดาว
การเดินทางไป “หินสามวาฬ” ระยะทางค่อนข้างไกล ทุกคนควรเตรียมความพร้อมทางร่างกายให้ดี และเช็คสภาพรถให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทางนะครับ เพราะ จากกรุงเทพฯ ไป “บึงกาฬ” มีระยะทางกว่า 750 กิโลเมตร ต้องใช้เวลาขับรถ 10 ชั่วโมงครึ่ง กันเลยทีเดียว
และเมื่อมาถึงจังหวัด “บึงกาฬ” แล้ว ให้ใช้ถนนทางหลวงหมายเลข 212 บึงกาฬ – นครพนม ขับไปเรื่อย ๆ จนถึง กม.ที่ 10 จะถึงตำบลโคกก่อง เป็นสามแยกให้เลี้ยวขวาไปทางอำเภอศรีวิไล แล้วขับรถเข้าไปประมาณ 3 – 4 กิโลเมตร จะเจอป้ายทางเข้าภูสิงห์ ให้ขับรถต่อไปอีก 1 กิโลเมตร จะถึงด่านตรวจซึ่งเป็นทางขึ้น “ภูสิงห์”
โดย “ภูสิงห์” ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตของ จังหวัด “บึงกาฬ” ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์ และป่าดงสีชมภู สามารถมาท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ซึ่งสถานที่ไฮไลท์เด่น ๆ ก็คือ “หินสามวาฬ” ยักษ์ 3 ก้อน ที่มีลักษณะคล้ายปลาวาฬ ว่ากันว่ามีอายุมากว่า 75 ล้านปี
ส่วนการเดินทางขึ้นไปเที่ยว “หินสามวาฬ” จากทางขึ้นภูสิงห์นั้น จะต้องขับรถไปต่ออีกประมาณ 15 กิโลเมตร ซึ่งทางค่อนข้างแคบและชันมาก ๆ เราแนะนำให้ใช้รถกระบะขับขึ้นไปจะดีที่สุด ส่วนใครไม่มีรถกระบะ สามารถติดต่อทางเจ้าหน้าที่ของภูสิงห์ ให้ขับรถขึ้นไปส่งได้ และเมื่อถึงจุดจอดนักท่องเที่ยวจะต้องเดินต่อไปอีก 200 เมตร ก็จะได้เหยียบวาฬตัวใหญ่ที่สุด หรือก็คือ “หินวาฬพ่อ” ที่อยู่ทางขวามือสุดนั่นเอง ส่วนตัวกลางคือ “หินวาฬแม่” สามารถเดินข้ามไปถ่ายรูปได้ และ “หินวาฬลูก” ตัวสุดท้ายจะเล็กที่สุด ไม่มีทางให้เดินข้ามไป
วิวบริเวณด้านบนของ “หินสามวาฬ” นั้นบอกได้เลยว่า สวยงามมาก และมีความอลังการสุด ๆ เราสามารถมองเห็นป่าเขาได้อย่างกว้างไกลแบบ 360 องศา โดยไม่มีอะไรมาบดบังสายตา และหากใครมาตอนเช้า ๆ ที่นี่ถือเป็นสถานที่ “ชมทะเลหมอก” ที่ห้ามพลาดอีกหนึ่งแห่งของประเทศไทย
วิว “ธรรมชาติ” เบื้องล่างนั้น สวยงามดั่งเป็นเวทมนต์ ที่สะกดสายตาของนักท่องเที่ยวทุกคนให้หยุดยืนอยู่นิ่ง ๆ เพื่อสูดอากาศอันแสนสดชื่นและบริสุทธิ์ ซึ่งหากใครได้ขึ้นมาแล้วอย่าพลาดถ่ายรูปสวย ๆ ไว้ไปโพสต์ลงโซเชียลกันนะ
นอกจากนี้บน “ภูสิงห์” ยังมีที่เที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย ให้ได้ไปเยือนกันต่ออย่าง “หินช้าง” ก้อนหินขนาดใหญ่ที่มีลักษณะคล้ายหัวช้าง สามารถขึ้นไปยืนถ่ายรูป ชมวิวธรรมชาติ และนั่งชมแสง “พระอาทิตย์ตก” สวย ๆ
แล้วไปถ่ายรูปสวย ๆ กันต่อที่ “จุดชมวิวส้างร้อยบ่อ” ที่นี่มีจุดเด่นคือ บริเวณพื้นหินจะเป็นบ่อเล็ก ๆ ซึ่งเกิดจากการกัดกร่อนของแดดและฝนตามธรรมชาติ ซึ่งมีความแปลกและเก๋มาก ๆ นอกจากนั้นยังเป็นจุดชมวิวแบบ 360 องศา ที่มองเห็นธรรมชาติได้อย่างชัดเจน และในยามเย็นก็เป็นที่ชม “พระอาทิตย์ตก” สวย ๆ อีกหนึ่งแห่งในภูสิงห์
จุดถ่ายรูปสวย ๆ ยังไม่หมด เราขอแนะนำอีกหนึ่งที่ “ประตูภูสิงห์” ไปถ่ายรูปกับหินก้อนใหญ่ยักษ์ 2 ก้อน ที่หันหน้าขนาบเข้าหากันจนดูเหมือนประตู เป็นจุดถ่ายรูปและชมวิวสวย ๆ อีกหนึ่งแห่ง ที่นักท่องเที่ยวมักแวะเวียนมาเที่ยวชม ความอลังการและงดงามของธรรมชาติ
การได้มาเยือน “บึงกาฬ” ในครั้งนี้ ทีมงาน Paapaii.com ต้องบอกเลยว่า สนุกมาก ๆ สถานที่ท่องเที่ยวอย่าง “หินสามวาฬ” ถือเป็น Unseen Thailand ที่อัศจรรย์จากธรรมชาติอย่างแท้จริง ทั้งสวยงามและยิ่งใหญ่ จนเราอยากให้เพื่อน ๆ นักท่องเที่ยวทุกคน ต้องมาสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้งในชีวิต
อ่านที่เที่ยว Unseen Thailand เพิ่มเติม