ในโอกาสพิเศษ รมว.พม. มอบรางวัลเชิดชูเกียรติผู้นำคนพิการไทยที่ก้าวข้ามข้อจำกัด สร้างแรงบันดาลใจสู่สังคม พร้อมเผยความภาคภูมิใจ UNDP ยกย่องโมเดลพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการของไทยเพื่อขยายผลในระดับนานาชาติ
บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความภาคภูมิใจ ณ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) สะพานขาว เมื่อ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “เชิดชูเกียรติผู้นำคนพิการที่สร้างแรงบันดาลใจ TOP 10” ซึ่งจัดขึ้นเพื่อยกย่องบุคคลต้นแบบที่สามารถเอาชนะข้อจำกัดด้านร่างกาย ก้าวข้ามความท้าทายจนประสบความสำเร็จในชีวิต และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่สังคมไทย

ไฮไลท์สำคัญของงานคือการมอบรางวัลเกียรติยศให้แก่ ศาสตราจารย์วิริยะ นามศิริพงศ์พันธุ์ นักกฎหมายและนักเคลื่อนไหวผู้อุทิศชีวิตเพื่อผลักดันกฎหมายและปกป้องสิทธิคนพิการในประเทศไทยมายาวนาน รวมถึงการมอบรางวัลให้แก่ผู้นำคนพิการอีก 10 ท่านที่เป็นต้นแบบของความสำเร็จ โดยมีผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงเข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง ประกอบด้วย นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวง พม. นายสุรยุทธ ทวีกุลวัฒน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวง พม. และ นายโชคชัย วิเชียรชัยยะ อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ

ในโอกาสนี้ นายวราวุธ ได้กล่าวถึงนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการสร้างความเสมอภาคและโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคมให้กับทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางในสังคม อาทิ คนพิการ ผู้สูงอายุ กลุ่มชาติพันธุ์ และบุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษเพื่อให้สามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานและสวัสดิการของรัฐได้อย่างเท่าเทียม
“กระทรวง พม. ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางในสังคม ด้วยการส่งเสริมให้ทุกคนได้เข้าถึงโอกาสและสวัสดิการที่เหมาะสม” รมว.พม. กล่าว พร้อมเผยว่า กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) ดำเนินงานภายใต้หลักการสำคัญ 3 ประการ ได้แก่
- การเสริมพลังคนพิการ (Empowerment) มุ่งเน้นการสร้างความเชื่อมั่นให้คนพิการตระหนักถึงศักยภาพและความสามารถของตนเอง
- การเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ (Human Dignity) ส่งเสริมการปฏิบัติต่อคนพิการอย่างเท่าเทียมและเคารพในสิทธิขั้นพื้นฐาน
- การสร้างสังคมที่ปราศจากอุปสรรคต่อคนพิการ (Barrier-Free) สนับสนุนการปรับสภาพแวดล้อมทางกายภาพและทัศนคติทางสังคมเพื่อให้คนพิการสามารถใช้ชีวิตและมีส่วนร่วมในสังคมได้อย่างเต็มที่
นายวราวุธ ยังเปิดเผยถึงแผนการขับเคลื่อนงานด้านคนพิการในปี 2568 ซึ่งเป็นการต่อยอดจาก “นโยบาย 5×5 ฝ่าวิกฤตประชากร” ภายใต้พันธกิจสำคัญด้านที่ 4 การพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ โดยมีเป้าหมายให้คนพิการสามารถพัฒนาตนเอง สร้างอาชีพ สร้างรายได้ พึ่งพาตนเองได้ และมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคม

“การเชิดชูเกียรติผู้นำคนพิการที่สร้างแรงบันดาลใจทั้ง 10 ท่านในวันนี้ ไม่ใช่เพียงการมอบรางวัลเท่านั้น แต่เป็นการส่งสัญญาณสำคัญสู่สังคมว่า ‘คนพิการทำได้’ ด้วยความสามารถและศักยภาพที่มีอยู่ในตัวบุคคล โดยความพิการไม่ใช่อุปสรรคหรือข้อจำกัด” รมว.พม. กล่าวด้วยความภาคภูมิใจ “เราต้องการสร้างมุมมองใหม่ให้สังคมเห็นคุณค่าและศักยภาพของคนพิการ เพื่อร่วมกันสร้างสังคมแห่งโอกาสที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”

ด้วยความตั้งใจแน่วแน่ นายวราวุธ เผยว่า ท่านมีความประสงค์จะนำวิดีโอเรื่องราวชีวิตของผู้ได้รับรางวัลทั้ง 10 ท่านไปเผยแพร่ในสถานศึกษาและพื้นที่สาธารณะ เพื่อให้เยาวชนและประชาชนทั่วไปได้เรียนรู้และซึมซับถึงพลังแห่งความมุ่งมั่น ความอดทน และการไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค
“ผมเชื่อว่าเรื่องราวของพวกเขาไม่เพียงสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนพิการด้วยกันเท่านั้น แต่ยังเป็นบทเรียนล้ำค่าสำหรับทุกคนในสังคม ที่แสดงให้เห็นว่าไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานการณ์หรือสภาวะใด หากมีความมุ่งมั่นและไม่ยอมแพ้ เราสามารถก้าวข้ามทุกอุปสรรคได้” รมว.พม. กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

ประเด็นที่น่าสนใจและสร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทยคือการที่ นายวราวุธ เปิดเผยว่า ในโอกาสที่เดินทางไปร่วมประชุมสหประชาชาติ (UN) ณ สหรัฐอเมริกา เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่านได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้บริหารระดับสูงของ สำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ หรือ UNDP (United Nations Development Programme) ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ทำงานด้านการพัฒนามนุษย์และการขจัดความยากจนทั่วโลก

“สิ่งที่น่าภูมิใจเป็นอย่างยิ่งคือการที่ UNDP ให้ความสนใจและชื่นชมโมเดลการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการของประเทศไทย ที่สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตคนพิการให้กลายเป็นพลังสำคัญของสังคม จนถึงขั้นที่ UNDP ต้องการศึกษาและนำโมเดลของเราไปประยุกต์ใช้ในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก” รมว.พม. กล่าวด้วยรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจ
“นี่คือการยืนยันว่าการทำงานของกระทรวง พม. ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงในระดับประเทศ แต่ได้ก้าวไปสู่เวทีระดับนานาชาติ และเป็นที่ยอมรับในฐานะแบบอย่างที่ดีให้กับนานาประเทศในการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการอย่างยั่งยืน” ท่านกล่าวเสริม

การจัดงานเชิดชูเกียรติในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการขับเคลื่อนนโยบายสังคมแห่งความเท่าเทียมที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ ตามหลักการพัฒนาที่ยั่งยืน “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” (Leave No One Behind) ที่เป็นหัวใจสำคัญของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ
ทั้งนี้ ผู้ได้รับรางวัลทั้ง 10 ท่าน มาจากหลากหลายสาขาอาชีพและความเชี่ยวชาญ ตั้งแต่ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย นักกีฬาพาราลิมปิก ศิลปิน นักวิชาการ ไปจนถึงผู้ประกอบการธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งทุกท่านล้วนมีเรื่องราวแห่งความมุ่งมั่นและความสำเร็จที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับสังคม